Pages

Friday, July 31, 2020

ธปท.ย้ำ เศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดแล้ว - ฐานเศรษฐกิจ

kuyupkali.blogspot.com

ธปท.ย้ำ เศรษฐกิจไทย ผ่านจุดต่ำสุดแล้ว เผย 5 เครื่องชี้เดือนมิ.ย.หดตัวน้อยลง จ่อปรับประมาณการก.ย. หลังสศช.ประกาศตัวเลขเศรษฐกิจไตรมาส 2 ชี้เห็นมาตรการคุมโควิดชัดขึ้น

นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2 ปี 2563 น่าจะขยายตัวต่ำที่สุด โดยธปท.ประเมินว่า จะติดลบที่ประมาณ 12-13% แต่ไม่เกิน 15% จากทั้งปีที่คาดว่าจะหดตัว 8.1% ทั้งนี้ หากเทียบกับที่ผ่านมา ช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งในไตรมาส 2 ของปี 2541นั้น เศรษฐกิจไทยติดลบ 12.5%  

"ไตรมาส 2 ปีนี้ ธปท.มองเศรษฐกิจติดลบเป็นตัวเลข 2 หลักต้นๆ ติดลบ 12-13% แต่ไม่น่าจะเกิน 15% แต่มั่นใจเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้แล้ว"

ทั้งนี้ เห็นได้จากภาวะเศรษฐกิจเดือนมิถุนายนนั้น เครื่องชี้เศรษฐกิจ 5 ตัว หดตัวน้อยลงทั้ง มูลค่าการส่งออกสินค้ารวมทองคำ หดตัว 24.6% จากระยะเดียวกันปีก่อน และหดตัวลดลงจากเดือนพฤกษภาคม ที่ติดลบ  29% ส่วนมูลค่าส่งออกหากไม่รวมทองคำ ติดลบ 18.4% การบริโภคภาคเอกชน ติดลบ 4.7% ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน และหดตัวน้อยลงจากเดือนพฤกษภาคมที่ติดลบ 12.5% การลงทุนภาคเอกชน ติดลบ 12.1% จากเดือนพฤกษภาคมที่ติดลบ  18.2% ขณะที่มูลค่าการนำเข้าสินค้ารวมทองคำติดลบ 18.2% ถ้าไม่รวมทองคำ ติดลบ 16.7% ชะลอลงจากเดือนพฤษภาคม ที่ติดลบ 34.2% และ 32.9% ตามลำดับ


นายดอนระบุว่า เศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 ปีนี้ หดตัวสูง ซึ่งเป็นผลจากมาตรการปิดเมืองที่เข้มงวดเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโควิดทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจเกือบทุกภาคส่วน โดยอุปสงค์ต่างประเทศหดตัวสูง ทั้งภาคการท่องเที่ยว หดตัว 100% ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ยังไม่ฟื้นตัวภาคการส่งออกสินค้า แต่การใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวได้ดีและมีบทบาทสำคัญในการช่วยพยุงเศรษฐกิจโดยรายจ่ายประจำขยายตัว 0.6% รายจ่ายลงทุนของรัฐบาลกลางไม่รวมเงินโอน27.9%แต่รายจ่ายลงทุนของรัฐวิสาหกิจหดตัว 11.8%

“แนวโน้มเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 จะหดตัวลึกที่สุดเป็นประวัติศาสตร์หรือไม่ คงต้องรอตัวเลขเป็นทางการจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.หรือสภาพัฒน์)ที่จะประกาศในอีก 2 สัปดาห์”

อย่างไรก็ตามธปท.จะปรับประมาณการตัวเลขเศรษฐกิจใหม่ในเดือนกันยายนนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่เห็นภาพชัดขึ้นทั้งในส่วนของเครื่องชี้เศรษฐกิจภายในประเทศและมาตรการควบคุมการ แพร่ระบาดของโควิด ในต่างประเทศว่า จะมีการปิดเมืองขนานใหญ่หรือไม่ โดยเฉพาะถ้าสัญญาณจากเครื่องชี้ต่างๆสะท้อนแนวโน้มการปรับตัวที่ดีขึ้นคือ หดตัวน้อยลงและไม่มีการปิดเมืองขนานใหญ่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะเห็นตัวเลขปรับประมาณการจีดีพีหดตัวตัวน้อยลง แต่ขณะนี้ หลายประเทศพยายามควบคุมการระบาดของโควิดที่รุนแรง และมีความไม่แน่นอนซึ่งในประเทศก็ต้องใช้เงินที่มีอยู่ให้ถูกจุดและทันการณ์และพร้อมจะเพิ่มมาตรการกรณีเลวร้าย

ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไป ติดลบตามอัตราเงินเฟ้อหมวดพลังงานเป็นสำคัญขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเป็นบวกเล็กน้อยส่วนดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลเล็กน้อยจากที่เกินดุลสูงในไตรมาสก่อนจากรายรับภาคการท่องเที่ยวที่ปรับลดลงมากประกอบกับเป็นฤดูกาลส่งกลับกำไรและเงินปันผลกับต่างประเทศของบริษัทต่างชาติในไทย ส่วนดุลบัญชี เงินทุนเคลื่อนย้ายเกินดุลสุทธิทั้งด้านสินทรัพย์และด้านหนี้สิน

ที่มา: ธนาคารแห่งประเทศไทย


Let's block ads! (Why?)



"เศรษฐกิจ" - Google News
July 31, 2020 at 04:27PM
https://ift.tt/2CYBnBv

ธปท.ย้ำ เศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดแล้ว - ฐานเศรษฐกิจ
"เศรษฐกิจ" - Google News
https://ift.tt/3crAsVL

中長期財政状況厳しいが、経済再生なくして財政健全化なし=安倍首相(ロイター) - Yahoo!ニュース

[東京 31日 ロイター] - 安倍晋三首相は31日の経済財政諮問会議で、政府の中長期財政試算に関連し、「財政状況は厳しいものではあるが、引き続き経済再生なくして財政健全化なしとの基本方針のもとで、経済財政一体改革の着実な推進に努めていく」と述べた。 首相は「新型コロナウイルス感染症拡大により経済活動や国民生活への影響が広範に及ぶなかで政府として感染拡大防止を徹底しながら、雇用の維持と事業の継続、国民生活の下支えに力を尽くすとともに、経済の活性化を推進していく」と語った。さらに「わが国が目指す将来の姿として誰もが実感できる質の高い成長と持続可能な財政の姿を実現していく」と強調した。

Let's block ads! (Why?)



"財政" - Google ニュース
July 31, 2020 at 05:11PM
https://ift.tt/33gXDBc

中長期財政状況厳しいが、経済再生なくして財政健全化なし=安倍首相(ロイター) - Yahoo!ニュース
"財政" - Google ニュース
https://ift.tt/2Q3jzHP
Shoes Man Tutorial
Pos News Update
Meme Update
Korean Entertainment News
Japan News Update

พิชัย จัดหนัก วิจารณ์ "ประยุทธ์" ปรับ ครม. ซัด เศรษฐกิจไทยยิ่งล้มเหลว - ไทยรัฐ

kuyupkali.blogspot.com

“พิชัย” ร่ายยาว วิจารณ์ ปรับ ครม.ซัด เศรษฐกิจยิ่งล้มเหลว ชี้ นศ.ตรรกะดีกว่าผู้ใหญ่บางกลุ่ม เชื่อ ยิ่งข่มขู่จะยิ่งมากขึ้น แนะ ถอย ก่อนจบไม่สวยเหมือน "นาจิบ" อดีตผู้นำมาเลย์

วันที่ 1 ส.ค. นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน กล่าวว่า ตามที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะปรับคณะรัฐมนตรี ตามรายชื่อที่ได้คาดหมายกันแล้วนั้น เชื่อได้ว่า รัฐบาลจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ และเศรษฐกิจไทย จะยิ่งแย่ลงกว่าเดิม โดยการเลือกนายปรีดี ดาวฉาย เป็น รองนายกฯ ควบ รมว.คลัง เข้าบริหารเศรษฐกิจ จะไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ ทั้งนี้ เพราะภาวะเศรษฐกิจที่ทรุดหนักในปัจจุบันต้องการคนที่มีความรู้ ความสามารถ อย่างมาก และต้องมีเครดิตอย่างสูงสะสมมาในอดีต เข้ามาบริหาร ซึ่งนายปรีดี ไม่เคยมีผลงานในการบริหารเศรษฐกิจมาก่อนเลย และไม่เคยได้แสดงวิสัยทัศน์และแนวคิดในการแก้เศรษฐกิจให้ประจักษ์มาเลย

อีกทั้งนายปรีดี เอง ก็จบการศึกษาทางด้านนิติศาสตร์ ไม่ได้มีพื้นฐานทางเศรษฐศาสตร์ เหมือนที่พลเอกประยุทธ์ เคยถามตนออกอากาศในการประชุมนานาชาติ G77 ว่า จบอะไรมา ? แต่กลับไม่ตรวจสอบคนที่ตนเลือก การที่เคยเป็นผู้บริหารระดับสูงของธนาคารไม่ได้หมายความว่า จะบริหารเศรษฐกิจของประเทศได้สำเร็จ ทั้งนี้ เพราะผู้บริหารระดับสูงของธนาคาร หลายคนที่เคยเข้าสู่การเมืองในอดีตเกือบทั้งหมดก็ไม่ประสบความสำเร็จ ตั้งแต่สมัย นายบุญชู นายธารินทร์ ไล่ลงมา ซึ่งถ้าหากจะเลือกนายปรีดี พลเอกประยุทธ์ น่าจะเลือก นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ อดีต รมว.คลัง มากกว่า เพราะน่าจะเก่งกว่าและมีประสบการณ์การบริหารประเทศ และเป็นที่ยอมรับของคนในทุกวงการมากกว่า และการที่นายปรีดี ต้องรับตำแหน่งทั้งรองนายกฯ และ รมว.คลัง จะเกินมือ และเชื่อได้ว่า จะมีโอกาสล้มเหลว และเสียคนอย่างแน่นอน ซึ่งตนได้เตือนไว้ก่อนหน้านี้แล้ว

ในส่วนของ รมว.พลังงาน ที่นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร อดีต รมช. คมนาคม และ อดีต CEO บมจ. ปตท. ถอนตัว แต่พลเอกประยุทธ์ ยังคงไม่เลือก นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เข้ารับตำแหน่งตามมติ พรรค พปชร. ซึ่งนายสุริยะควรจะต้องรู้ตัวแล้วว่า ต้องเป็นที่น่ารังเกียจอย่างแน่นอน อาจจะเป็นเพราะคำมั่นสัญญาที่เคยให้ไว้ว่า จะไม่รับตำแหน่งก่อนมีการเลือกตั้งที่กลับมาหลอกหลอนไม่หยุด ดังนั้นการที่ได้เป็น รมว.อุตสาหกรรม น่าจะเป็นจุดสูงสุดของนายสุริยะแล้ว จึงอยากให้นายสุริยะได้ทำใจ และเป็นห่วงว่า รมว. พลังงานคนใหม่ จะทนแรงกดดันจากคนของพรรค พปชร. ที่อยากได้ตำแหน่งนี้ได้ขนาดไหน

ในส่วนของ รมว.แรงงาน และ รมว.อุดมศึกษาฯ ก็เป็นตามที่พรรคการเมืองเสนอมา คงมีแต่ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกรัฐบาล ที่ถูกโจมตีอย่างหนักก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังจะได้เป็น รมช.แรงงาน ซึ่งก็คงต้องดูผลงานว่า ขนาดแค่ด้านแรงงาน นางนฤมล จะทำได้ดีขนาดไหน และจะทำได้ดีกว่างานโฆษกที่ยังมีผลงานสับสนหรือไม่

จากภาพรวมของการปรับ ครม. รัฐบาลจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้เลย ยิ่งพลเอกประยุทธ์ บอกว่า จะเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเองก็จะยิ่งแย่ไปกันใหญ่ เพราะตั้งแต่พลเอกประยุทธ์ เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจหลังการเลือกตั้ง เศรษฐกิจไทยก็ดิ่งเหวมาโดยตลอด เพราะขาดความรู้ความสามารถ และจะยิ่งตอกย้ำความล้มเหลวของรัฐบาลในทุกด้าน ทั้ง เศรษฐกิจ สังคม การเมือง และ ตอนนี้ได้ลามไปถึง กระบวนการยุติธรรมแล้ว ซึ่งไม่เคยมีรัฐบาลใดล้มเหลวทุกด้านขนาดนี้มาก่อน ดังนั้นจึงอยากให้ ครม. ใหม่เตรียมรับกับสภาวการณ์ดังนี้

สภาวะเศรษฐกิจไทยทรุดหนักอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน การส่งออกในเดือนมิถุนายนติดลบถึง 23.2% ต่ำที่สุดในรอบ 11 ปี ทำให้ครึ่งปีแรกส่งออกติดลบถึง - 7.1% และมีโอกาสสูงที่ปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวติดลบเกิน - 10% ตามที่กังวลกัน ซึ่งนับว่าทรุดหนักมาก อีกทั้งยังไม่มีทิศทางว่าจะฟื้นได้อย่างไร จากการบริหารงานของรัฐบาลนี้ ขนาดบริษัทใหญ่ของญี่ปุ่นจำนวนมาก ย้ายออกจากประเทศจีนยังหันไปลงทุนในประเทศเวียดนาม แต่ไม่ลงทุนในไทย โดยที่รัฐบาลญี่ปุ่นเองก็ส่งเสริมให้ไปลงทุนในเวียดนาม ดังนั้น ถึงแม้มีการปรับ ครม. ก็จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ และประชาชนส่วนใหญ่ก็ไม่เชื่อว่า จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้นได้ แม้จะปรับ ครม. และจากผลโพลทุกสำนักที่อยากเห็นการเปลี่ยนรัฐบาลเพราะไม่เชื่อมั่นในรัฐบาลแล้ว อีกทั้งโพลยังเห็นด้วยและสนับสนุนนักศึกษาที่ชุมนุมมากกว่ารัฐบาลมาก คนที่มีชื่อเสียงและมีต้นทุนทางสังคมต่างพากันปฏิเสธ ทำให้เชื่อได้ว่า รัฐบาลจะหมดสภาพในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่จะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งหากยังคงเป็นรัฐบาลพลเอกประยุทธ์จะไม่มีทางที่จะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้เลย

นายพิชัย กล่าวต่อว่า สภาวะสังคมที่เสื่อมทราม ซึ่งมีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัญหาทางเศรษฐกิจ การฆ่าตัวตายจากพิษเศรษฐกิจมีเพิ่มขึ้นอย่างมาก มีการก่ออาชญากรรม ขโมย จี้ ปล้น โกง หลอกลวง กันไปทั่ว แม้กระทั่งโกงเงินบริจาค สังคมแตกแยก พลเอกประยุทธ์กลายเป็นศูนย์กลางของความแตกแยกไปแล้ว นักศึกษา นักเรียน และคนรุ่นใหม่ออกมาประท้วงกันทั่วประเทศ ปัจจุบันมีถึงกว่า 40 จังหวัดแล้ว และยังจะมีเพิ่มขึ้นอีกเรื่อยๆ และยังมีความพยายามจะปิดกั้นการแสดงความเห็นของนักศึกษาและคนรุ่นใหม่ โดยใช้กำลัง ทหาร ตำรวจ รวมถึง ครู อาจารย์ อีกทั้ง มีการข่มขู่ว่า จะไม่สามารถหางานทำได้ ทั้งที่ความจริงสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ปัจจุบันก็จะทำให้คนตกงานอยู่แล้ว 8-10 ล้านคน นักศึกษาจบใหม่ จะไม่มีงานทำ ยิ่งถ้ารัฐบาลปัจจุบันที่ไม่เหลือความเชื่อมั่นแล้ว การลงทุนและการสร้างงานก็จะไม่มี อีกทั้งยังจะมีการจัดมวลชนเพื่อชนกับนักศึกษา ซึ่งต่อมากลายเป็นการจัดฉากไป

อดีตรมว.พลังงาน กล่าวต่ออีกว่า นอกจากนี้ จะมีเอกสารข่มขู่ว่า จะเตรียมสถานที่เพื่อจับแกนนำนักศึกษาไปคุมขังอีกด้วย และยังขู่ว่า จะใช้อาวุธ ซึ่งหากทำจริงจะยิ่งเท่ากับเติมเชื้อเพลิงเข้าไปในกองไฟ สถานการณ์จะยิ่งลุกลาม จนรัฐบาลไม่น่าจะคุมได้ แต่ขณะเดียวกัน ก็ต้องขอชื่นชม และน่าภูมิใจและเห็นว่าประเทศไทย น่าจะยังมีความหวังในอนาคต และก้าวหน้าต่อไปได้ หลังจากวิกฤตการณ์นี้ จากการแสดงความคิดเห็นที่ตรงไปตรงมา และมีวิจารณญาณของนักเรียน นักศึกษา และคนรุ่นใหม่ ที่ขึ้นเวที อภิปรายได้อย่างน่าประทับใจ และ รู้ข้อมูลเชิงลึก คิดวิเคราห์แบบมีตรรกะได้ดีกว่าผู้ใหญ่ ที่มีการศึกษาจำนวนมาก ซึ่งเชื่อว่า นักเรียน นักศึกษา และคนรุ่นใหม่เหล่านี้ จะเติบโตขึ้นไปนำพาประเทศให้พัฒนา และแข่งขันกับประเทศอื่นๆในประชาคมโลกได้ ที่ปัจจุบันต้องแข่งกันด้วยแนวคิดใหม่ๆ การกล้าแสดงออก และความฉลาดที่จะต้องตามทันโลก

ภาวะการเมืองที่เสื่อมถอย มีการแย่งชิงตำแหน่งกันอย่างไม่ได้สนใจว่าประชาชนจะคิดอย่างไร ไม่แคร์เลยว่าประชาชนเดือดร้อนกันแค่ไหนในภาวะเศรษฐกิจนี้ อีกทั้งปรับ ครม. ก็จะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ และที่สำคัญคือ มีการบริหารประเทศที่ล้มเหลวในทุกด้าน แต่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผู้นำภายใต้ระบอบการเมืองนี้ได้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นเพื่อสืบทอดอำนาจ แต่หลังจากที่ถูกกดดันจาก นักเรียน นักศึกษาและคนรุ่นใหม่ พรรคร่วมรัฐบาล และสมาชิกวุฒิสภา เพิ่งจะมาเสียงอ่อยยอมที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญแต่ไม่แน่ใจว่าเป็นแค่ความต้องการที่จะซื้อเวลาหรือไม่ เพราะในอดีตเห็นชื่นชมรัฐธรรมนูญนี้กันอย่างมาก

แต่ที่เป็นปัญหาที่สุด คือ คดีของ "บอส อยู่วิทยา" ที่ทำให้สังคมลุกฮือต่อต้านถึงขนาดคนในครอบครัว ยังต้องตัดพี่ตัดน้องตัดญาติกันเลย พลเอกประยุทธ์ จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ เพราะเงินบริจาค 300 ล้าน ตามหนังสือร้องขอ เป็นบทเรียนของผู้นำว่า จะออกจดหมายขอใครก็ต้องดูให้ดีก่อน อีกทั้ง พลเอกประยุทธ์ ยังกำกับดูแล ทั้งสำนักอัยการและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และทำให้ประชาชนสงสัยกันว่า จะพึ่งตำรวจได้อย่างไร ขนาดพวกเดียวกัน ตำรวจยังไม่ปกป้องคุ้มครอง ต่อสู้เพื่อรักษาศักดิ์ศรีให้กันเลย และรู้สึกเจ็บปวดแทนตำรวจอย่างมาก เมื่อมีการประชดประชันกันในโซเชียล ถึงการเลือกที่จะไม่ขับรถชนสุนัขที่จะถูกจับ แต่จะเลือกที่จะชนตำรวจ เพราะจะไม่ถูกจับ ก็ยังแปลกใจว่า ทำไมตำรวจถึงทนกันได้ เหมือนกับศักดิ์ศรีของตำรวจ แทบไม่เหลือแล้ว ความไม่พอใจในระบบยุติธรรมน่า จะสะสมมาตลอดหลายปีนี้จากทุกฝ่าย 

"ดังนั้น จะเห็นได้ว่า รัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ บริหารล้มเหลวในทุกด้าน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ตอกย้ำด้วยปัญหาระบบยุติธรรม  การปรับ ครม. จะไม่ช่วยให้ดีขึ้น ทางที่ดีที่สุด คือ พลเอกประยุทธ์ ต้องลาออกโดยเร็วเพื่อ ให้คนที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาบริหารแทนเพื่อแก้ปัญหาที่หนักเกินความสามารถ หากพลเอกประยุทธ์ ยังดื้อรั้น ก็น่าเป็นห่วงและอยากให้ พลเอกประยุทธ์ ได้ดูตัวอย่าง อดีตนายกรัฐมนตรีของประเทศมาเลเซีย นายนาจิบ ราซัค ที่ถูกตัดสินให้ติดคุก 12 ปี จากการกระทำผิดข้อหาทุจริต เพราะพลเอกประยุทธ์ น่าจะทราบดีว่า ตลอดเวลาที่บริหารประเทศมา 6 ปี กว่า น่าจะต้องมีเรื่องผิดพลาด ที่อาจเกิดขึ้นและอาจถูกนำไปสู่การดำเนินคดีได้ หากต้องถูกบังคับให้ลงโดยการขับไล่ของประชาชน" นายพิชัย กล่าว...

อ่านเพิ่มเติม...

Let's block ads! (Why?)



"เศรษฐกิจ" - Google News
August 01, 2020 at 09:56AM
https://ift.tt/2XiG2oF

พิชัย จัดหนัก วิจารณ์ "ประยุทธ์" ปรับ ครม. ซัด เศรษฐกิจไทยยิ่งล้มเหลว - ไทยรัฐ
"เศรษฐกิจ" - Google News
https://ift.tt/3crAsVL

[동아플래시100]“일본과 경제 전쟁서 지면 민족 참화”… 이기려면? - 동아일보

kuyupkali.blogspot.com
1921년 9월 24일

플래시백

정부가 중요한 일을 결정하기 전에 공무원 뿐 아니라 학계 전문가와 민간 대표들까지 끌어들여 위원회를 가동하는 때가 왕왕 있습니다. 다양한 의견을 들어 최적의 대안을 찾겠다는 순수한 의도도 있겠지만 단지 명분 쌓기 목적이거나 예상되는 저항을 줄이려는 속셈으로 구성하는 위원회도 적지 않습니다. 나중에 불만이 커지면 “너희네 쪽도 참가해서 결의하지 않았느냐”며 책임을 떠넘기는 것이죠.

일제강점기 때도 그랬습니다. 1921년 조선총독부는 산업정책의 근본 방침을 정해 조선의 발전을 도모한다는 명분으로 ‘산업조사위원회’(이하 산업조사회)를 열기로 했습니다. 관리, 재계 대표, 대학 교수들까지 참여하는 ‘민·관·학 합동위원회’였습니다.

총독부 산업조사위원회를 앞두고 1921년 9월 12일 열린 조선인 산업대회. 다수 민중의 행복을 목표로 조선인 본위의 산업정책을 수립할 것, 조선인 산업을 보호해 경쟁의 참화를 없앨 것을 강령으로 채택하고 56개 항의 건의사항을 총독부에 제출했지만 묵살됐다.
그 해 3월 총독부가 일본 의회에 산업조사회 가동에 필요한 예산을 달라고 요구하면서 산업조사회 움직임이 본격화하자 절대빈곤의 굴레에서 벗어나지 못한 조선사회는 비상한 기대를 나타냈습니다. 박영효를 앞세운 명사, 자본가들은 ‘조선인 산업대회’를 열어 △소작인 보호 △공업 교육기관 증설 △조선 산업 보호관세 등 56개 항목을 총독부에 건의했고, 친일단체인 ‘유민회’까지도 조선 산업기관 특별보조, 조선인 농사회사 및 특수금융기관 설립 등을 건의했죠.
그러나 총독부에 다른 속셈이 있지 않을까 하는 의심도 컸습니다. 동아일보는 일찌감치 3월 21일자 사설에서 ‘조선경제 발전의 이로움이 조선인을 향하지 않으면 무슨 소용이냐’라며 조선인 본위의 산업정책을 주문했습니다. 또 산업조사회 위원장에 총독부 정무총감을 앉히고 위원들은 직권 임명한다는 훈령이 발표되자 6월 10일자 사설은 ‘겉만 착한 척하는 형식정치로는 민중의 요구에 부응할 수 없다’고 비판했습니다.
주요기사

산업조사회 위원 인선의 뚜껑을 열어보니 우려한 대로였습니다. 위원장을 포함한 49명 중 조선인은 10명에 불과했습니다. 그나마 조선인의 면면을 보면 ‘을사 5적’ 이완용 후작과 ‘정미 7적’ 송병준 백작을 위시해 대정실업친목회를 만든 조진태 조선상업은행장과 한상룡 한성은행 전무 등 친일파가 수두룩했으니 ‘조선인 본위의 산업정책’은 애당초 글러먹은 일이었지요.

산업조사회는 9월 15일 열렸습니다. 위원장인 미즈노 정무총감은 개막 연설에서 “조선 산업정책의 의의는 일한합병의 취지에 입각하고 제국(帝國)의 국책에 순응해…”라며 조선의 각 산업을 발전시켜 더 많이, 더 효과적으로 수탈할 수 있게 하라고 주문합니다. 6일간의 토론 끝에 산업조사회가 내놓은 결의안은 여기서 조금도 벗어나지 않았습니다. 조선을 식량과 원료의 공급지, 상품 소비시장, 일본자본 진출지역으로 개발한다는 내용이었죠. 특히 조선인 80%가 종사하는 농업에 대해서는 ‘제국의 양식 충실에 공헌키 위해 산미의 개량증식을 도모’라는 노골적인 표현을 썼습니다.

총독부가 조선 발전을 위한 산업정책의 근간을 정하겠다며 1921년 9월 15일부터 20일까지 개최한 산업조사위원회 회의 장면. 기대 반, 우려 반의 관심을 모았지만 결국 산미 개량증식 등 식민지 수탈의 성과를 높이겠다는 야욕을 드러내 민족 공분의 대상이 됐다.
이에 동아일보는 9월 23일자 사설에서 조선인 본위 산업정책에 대한 희망이 물거품이 됐다고 논평한 뒤 다음날 사설 ‘산업의 발달에 대하여 조선인에게 경고하노라’를 통해 ‘경쟁자(일본)의 세력이 발달하는 것을 경계하고 싸워야 한다’며 일제와의 경제 전쟁을 선포했습니다.

사설은 이 경제 전쟁은 창칼로 싸우는 무력적 전쟁과 달리 총성도 없고, 눈에 보이지도 않지만 피할 수도 없고, 패하면 수백, 수만의 생명을 끊고, 한 민족의 근거를 쓸어버리는 참화를 맞게 된다며 사태의 심각함을 일깨웠습니다. 이어 조선인이 지식도, 돈도, 권력도 부족하지만 부지런함을 잃지 말고, 빈부를 가리지 않고 단결하며, 선진국의 문명과 산업 경험을 받아들인다면 승리를 기약할 수 있다고 용기를 북돋웠습니다.

국권을 빼앗기고 민족자본도 빈약해 당장 일제와 경제 전면전을 벌일 수는 없었지만, 이 사설은 토산품 애용, 물산장려운동을 불 지피는 중요한 계기가 됩니다.

정경준 기자 news91@donga.com

産業(산업) 發達(발달)에 對(대)하야 朝鮮人(조선인)에게 警告(경고)하노라

産調會(산조회) 決議案(결의안)에 鑑(감)하야

朝鮮人(조선인)의 幼稚(유치)한 産業(산업)을 發達(발달)시김에 特別(특별)한 保護(보호)를 加(가)할 必要(필요)가 有(유)한 것은 맛치 病者(병자)에 對(대)히야 醫藥(의약)이 必要(필요)하고 乳兒(유아)에 對(대)하야 特別(특별)한 看護(간호)가 必要(필요)함과 如(여)하도다. 此(차)는 明白(명백)한 事理(사리)이라 秋毫(추호)라도 朝鮮人(조선인)의 幸福(행복)을 希望(희망)하고 그 前途(전도)를 念慮(염려)하는 者(자)이면 모다 異議(이의)가 無(무)할 것이니 이럼으로 吾人(오인)은 朝鮮人(조선인) 本位(본위)의 産業政策(산업정책)을 産業調査委員會(산업조사위원회)에 要望(요망)하얏스며 此(차)로써 朝鮮人(조선인)의 實地(실지)의 發達(발달)을 期(기)하랴 하얏도다.

그러나 이제 吾人(오인)의 此(차) 希望(희망)이 水泡(수포)에 歸(귀)함은 昨紙(작지) 本欄(본란)에 임의 論評(논평)한 바와 如(여)하며 所謂(소위) 當局者(당국자)의 朝鮮人(조선인)에 對(대)한 誠意(성의)도 今次(금차) 試驗(시험)에 그 本體(본체)를 發露(발로)하얏거니와 吾人(오인)은 當局(당국)의 本心(본심)을 知(지)함으로써 滿足(만족)하지 못하며 産調會(산조회) 決議案(결의안)에 驚愕(경악)함으로써 知足(지족)하지 못하며 吾人(오인)의 愚(우)를 自笑(자소)함으로써 止(지)할 것이 아니라 吾人(오인)은 進(진)하아 朝鮮人(조선인) 生存(생존) 維持(유지) 方法(방법)에 對(대)하야 맛당히 戒心(계심)하여야 하며 奮發(분발)하여야 하며 競爭者(경쟁자)의 勢力(세력) 進展(진전)에 대하야 보름직히 警戒(경계)하여야 하며 爭鬪(쟁투)하여야 할 것이로다.

吾人(오인)은 此際(차제)에 力說(역설)하노라. 戰爭(전쟁)이 決(결)코 武力的(무력적) 戰爭(전쟁)에 限(한)치 아니하얏스며 殺戮(살육)이 決(결)코 兵刃(병인)에 限(한)치 아니하얏도다. 商業戰(상업전)도 一大(일대) 戰爭(전쟁)이며 工業戰(공업전)도 一大(일대) 戰爭(전쟁)이라. 武力(무력)의 戰爭(전쟁)은 비록 一時(일시)에 數百萬(수백만)을 殺戮(살육)하는 戰爭(전쟁)이라 할지라도 經濟的(경제적) 戰爭(전쟁)의 永遠(영원)한 時期(시기)에 亘(긍)하야 一(일) 民族(민족)의 全(전) 根據(근거)를 掃蕩(소탕)하는 慘憺(참담)에 及(급)치 못하며, 兵刃(병인)으로써 하는 殺戮(살육)은 비록 忍見(인견)하지 못할 慘狀(참상)을 呈(정)하나 그 害(해)의 及(급)하는 바 少(소)하면 一二(일이) 個人(개인), 大(대)하면 數十(수십) 人(인)에 不過(불과)하되 兵刃(병인)으로써 하지 아니하고 經濟(경제)의 術略(술략) 或(혹) 政策(정책)으로써 하는 殺戮(살육)은 實(실)노 幾百(기백) 幾萬(기만)의 民族(민족) 全體(전체)의 生命(생명)의 道(도)를 斷絶(단절)하는 것이 되는 도다.

吾人(오인)은 此際(차제)에 朝鮮人(조선인)에게 對(대)하여 警告(경고)하노라. 諸君(제군)은 戰場(전장)에 立(입)하얏도다. 眼目(안목)에 見(견)하는 戰爭(전쟁)이면 避難(피난)하는 道理(도리)가 有(유)하거니와 此(차) 戰爭(전쟁)의 種類(종류)는 眼目(안목)으로써 見(견)치 못하는 平和(평화)의 戰爭(전쟁)이라. 그러나 그 慘禍(참화)에 至(지)하야는 眼目(안목)에 見(견)하는 戰爭(전쟁)의 幾十(기십) 倍(배), 或(혹) 幾百(기백) 倍(배)에 達(달)하는 도다. 그 엇지 戰慄(전율)할 바- 아니리오.

그런 즉 此(차)에 應(응)하는 道理(도리)가 如何(여하)하뇨. 첫재, 勤勉(근면)하여야 할지니 諸君(제군)에게는 知力(지력)이 有(유)치 못하며 資力(자력)이 有(유)치 못하며 權力(권력)이 또한 缺乏(결핍)하도다. 諸君(제군)은 依(의)할 곳이 無(무)하며 望(망)할 것이 無(무)하도다. 오즉 自力(자력)을 依(의)할 따름이니 諸君(제군)의 自力(자력)이 그 勤勉(근면) 以外(이외)에 果然(과연) 如何(여하)한 것이 存在(존재)하는가. 他(타)가 知力(지력)으로써 하면 諸君(제군)은 勤勉(근면)으로써 그 知(지)를 奪(탈)하여야 하며, 他(타)가 資力(자력)으로써 하면 諸君(제군)은 亦(역) 勤勉(근면)으로써 그 資(자)를 奪取(탈취)하여야 할 것이라. 그러나 이 勤勉(근면)이 決(결)코 一朝一夕(일조일석)에 止(지)하고 말 것이 아니라 吾人(오인)의 生存(생존)을 確保(확보)하기까지는 繼續(계속)하여야 할지니 此(차) 戰爭(전쟁)이 엇지 吾人(오인) 一代(일대)에 止(지)하리오. 恐(공)컨대 吾人(오인) 子孫(자손)에까지 及(급)할가 하노라.

둘재로 必要(필요)한 것은 朝鮮人(조선인)이 團結(단결)하여야 할 것이니 此(차) 戰場(전장)에 立(입)한 者(자)는 그 甲(갑)과 乙(을)을 勿論(물론)하고 朝鮮人(조선인)이면 그 朝鮮人(조선인)인 까닭에 運命(운명)이 全部(전부) 同一(동일)한 것이라. 同一(동일)한 運命(운명) 下(하)에 處(처)한 者(자) 엇지 團結(단결)하야 그 力(역)을 合(합)하지 아니하리오. 知力(지력)이 비록 大(대)하나 團結(단결)이 無(무)하면 此(차)는 恐(공)할 것이 無(무)하며, 資力(자력)이 비록 豐富(풍부)하다 할지라도 團結(단결)이 無(무)하면 亦(역) 畏(외)할 것이 無(무)하도다.

此(차)에 反(반)하야 吾人(오인)이 비록 資力(자력)이 無(무)하며 知力(지력)이 無(무)할지나 堅固(견고)한 結束(결속)만 有(유)하고 持久(지구)의 勤勉(근면)만 有(유)하면 雖(수) 千萬(천만)의 競爭者(경쟁자)가 有(유)할지라도 畏縮(외축)할 것이 無(무)하니 吾人(오인)은 惟(유)하되 團結(단결)은 實(실)노 戰爭(전쟁)에 出(출)한 者(자)의 唯一(유일)한 要件(요건)이라 하노라.

或者(혹자)는 云(운)하되 朝鮮(조선)에도 貧富(빈부)의 別(별)이 有(유)하며 知愚(지우)의 差(차)가 有(유)하도다. 富者(부자)는 貧者(빈자)와 列(열)을 同(동)히 할 必要(필요)가 無(무)하고, 知者(지자)는 愚者(우자)와 그 運命(운명)을 共(공)히 할 必要(필요)가 無(무)하다 하는 者(자) 有(유)하나, 그러나 吾人(오인)의 所見(소견)에 依(의)하면 此(차)는 그 一(일)을 知(지)하고 그 二(이)를 不知(부지)하는 것이로다.

伽藍(가람)에 火(화)를 失(실)한지라 엇지 金器(금기)와 土器(토기)의 區別(구별)이 有(유)하며, 蒼海(창해)에 暴風(폭풍)이 起(기)한지라 엇지 木船(목선)과 鐵艦(철함)의 差異(차이)가 有(유)하리오. 朝鮮人(조선인)의 富者(부자)는 富(부)하다 安心(안심)하지 말지며, 朝鮮人(조선인)의 知者(지자)는 그 知力(지력)을 자랑하지 말고 民衆(민중)으로 더부러 力(역)을 合(합)할 지어다.

셋재로 必要(필요)한 것은 文明制度(문명제도)를 힘써 利用(이용)하며 先進(선진) 諸國(제국)의 産業上(산업상) 各(각) 方面(방면) 經驗(경험)을 綜合(종합)하여야 할지니 이 곳 吾人(오인)이 文明(문명)하는 道理(도리)인 同時(동시)에 産業(산업)의 發達(발달)을 促進(촉진)하는 根本(근본) 所以(소이)이며, 最後(최후)의 勝利(승리)를 確保(확보)하는 唯一(유일)한 手段(수단)이라. 農業(농업) 模範場(모범장)이 有(유)한가. 그 硏究(연구)의 結果(결과)를 充分(충분)히 利用(이용)할지며, 工業(공업) 試驗場(시험장)이 存在(존재)하는가. 亦(역) 그 結果(결과)를 充分(충분)히 利用(이용)할지로다. 아니라 官廳(관청)의 施設(시설)과 指導(지도)만 受(수)하야 行動(행동)할 것이 아니라 自進(자진)하야, 或(혹)은 團體(단체)의 力(역)을 利用(이용)하야, 或(혹)은 各(각) 個人(개인)의 勤勉(근면)으로써 産業(산업)에 關(관)한 知識(지식)을 吸收(흡수)하기에 努力(노력)할지어다.

一言以蔽之(일언이폐지)하면 朝鮮人(조선인)은 이제 爭鬪(쟁투)가 甚烈(심렬)한 産業(산업) 戰場(전장)에 立(입)하얏도다. 모름직히 戒心(계심)하야 各自(각자)의 立地(입지)를 注意(주의)하며 相對者(상대자)의 形勢(형세)를 詳察(상찰)하되 團結(단결)과 知識(지식)으로써 武裝(무장)하고 勤勉(근면)으로써 砲彈(포탄)을 作(작)하야 勝利(승리)를 期(기)할지어다.

산업 발달에 대해 조선 사람들에게 경고하노라

산업조사회의 결의안을 보고

조선인의 초기 단계 산업을 발달시키는 데 특별한 보호를 가할 필요가 있는 것은 마치 병자에게 의약이 필요하고, 갓난아이에 대해 특별한 간호가 필요한 것과 같다. 이는 명백한 사물의 이치라서 조금이라도 조선인의 행복을 희망하고 그 앞길을 염려하는 사람이라면 모두 이의가 없을 것이니, 우리는 산업조사위원회에 조선인 본위의 산업정책을 요망했으며, 이로써 조선인의 실지 발달을 기대하려 했던 것이다.

그러나 이제 우리의 이 희망이 물거품으로 돌아감은 어제 이 사설란에 이미 논평한 바와 같으며, 이른바 당국자의 조선인에 대한 성의도 이번 시험(결의안)에 그 본체를 드러냈거니와 우리는 당국의 본심을 아는 데 만족하지 못하며, 산업조사회의 결의안에 경악하는 것으로 지족할 수 없으며, 우리의 어리석음을 스스로 비웃는 것에 그칠 것이 아니라 앞으로 나아가 조선인의 생존 유지방법에 대해 마땅히 마음을 놓지 말고 경계해야 하며, 분발해야 하며, 경쟁자의 세력이 진전되는 것에 대해 모름지기 경계하고 싸워야 할 것이다.

우리는 이 기회에 역설하고자 한다. 전쟁은 결코 무력적 전쟁에 국한되지 않으며, 살육이 결코 칼이나 창 같은 무기로만 일어나는 것도 않는다. 상업 전쟁도 한바탕 전쟁이며, 공업 전쟁도 일대 전쟁이다. 무력 전쟁은 비록 일시에 수백만 명을 살육하는 전쟁이지만, 경제적 전쟁이 영원한 시기에 뻗쳐 한 민족의 모든 근거를 쓸어버리는 참담함에 미치지 못하며, 무기로 하는 살육은 비록 눈뜨고 보지 못할 참상을 드러내지만 그 미치는 피해는 적으면 한두 명, 많으면 수십 명에 불과하다. 그러나 무기로 하지 않고 경제적 술책, 정책으로 하는 살육은 실로 수백, 수만 민족 전체의 생명의 길을 단절하는 것이 되는 것이다.

우리는 이 기회에 조선 사람들에 대해 경고하는 바이다. 여러분은 전쟁터에 서 있다. 눈에 보이는 전쟁이면 피난할 길이 있겠지만, 이 전쟁은 눈으로 볼 수 없는 총성 없는 전쟁이다. 그러나 그 참화에 이르러서는 눈에 보이는 전쟁의 수십 배, 수백 배에 이르는 전쟁이다. 그 어찌 전율할 일이 아니겠는가.

그렇다면 이 전쟁에 대응하는 길은 어떤 것이 있겠는가. 첫째, 근면해야 할 것이다. 여러분에게는 지력이 있지 않으며, 자금력도 있지 않으며, 권력 또한 모자란 것이 사실이다. 여러분은 의지할 곳이 없으며, 기대할 것도 없다. 오직 스스로의 힘에 의지할 수 있을 것이니 여러분 스스로의 힘이 근면 이외에 과연 어떤 것이 존재하겠는가. 남이 지력을 앞세우면 여러분은 근면으로 그 지식을 뺏어야 하며, 남이 자금력으로 침범하면 여러분은 역시 부지런함으로 그 자금을 탈취해야 할 것이다. 그러나 이 근면은 결코 일조일석에 그치고 말 것이 아니라 우리의 생존을 확보할 때까지 계속해야 할 것이니 이 전쟁이 어찌 우리 당대에 그치겠는가. 두렵지만 우리 자손에까지 미칠 것이 분명하다.

둘째로 필요한 것은 조선 사람의 단결이다. 이 전쟁터에 선 사람은 갑이니 을이니 따지지 말고 조선인이면 조선인인 까닭에 운명이 모두 같은 것이다. 같은 운명 아래에 처한 사람이니 어찌 단결해 그 힘을 합치지 않을 것인가. 지력이 비록 크더라도 단결하지 않으면 이는 두려워할 필요가 없으며, 자금력이 비록 풍부하다 할지라도 단결하지 않으면 역시 무서워할 것이 없다. 이와 반대로 우리가 자금력이 없고 지력이 없지만 견고하게 결속하고 오랫동안 근면함을 유지한다면 비록 천만 경쟁자가 있더라도 두려워 움츠릴 것이 없으니 우리는 단결이 실로 전쟁에 나서는 사람이 갖춰야 할 유일한 요건이라고 생각한다.

누군가는 조선에도 빈부의 차별이 있고, 지자와 어리석은 자의 차이가 있어 부자는 빈자와 같은 열에 설 필요가 없고 지자는 어리석은 자와 그 운명을 같이 할 필요가 없다 하는 사람이 있다. 그러나 우리의 소견에 따르면 이는 하나만 알고 둘은 모르는 것이다. 승려가 머무는 절에 불이 났다면 어찌 금 그릇과 질그릇의 구별이 있겠는가. 너른 바다에 폭풍이 일어났다면 어찌 목선과 철함의 차이가 있겠는가. 조선인 부자는 부유하다고 안심하지 말 것이며, 조선인 지자는 지력을 자랑하지 말고 민중과 더불어 힘을 합쳐야 할 것이다.

셋째로 필요한 것은 문명제도를 힘써 이용하고 여러 선진국의 각 분야 산업 경험을 종합해야 한다는 것이다. 이는 곧 우리가 문명하는 길인 동시에 산업의 발달을 촉진하는 근본 조건이며, 최후의 승리를 확보하는 유일한 수단인 것이다. 모범적인 농장이 있는가? 마땅히 그 연구결과를 충분히 이용해야 할 것이다. 공업 시험장이 존재하는가? 역시 그 결과를 충분히 이용할 일이다. 아니다. 관청의 시설과 지도만 받아 행동할 것이 아니라 자진해서, 또는 단체의 힘을 이용해서, 또는 각 개인이 근면하게 산업에 관한 지식을 흡수하기에 노력해야 할 것이다.

한 마디로 정리하자면, 조선인은 이제 싸움이 극히 치열한 산업 전쟁터에 서 있다. 모름지기 경계해 각자의 입지를 주의하고, 상대방의 형세를 상세히 관찰하되 단결과 지식으로 무장하고, 근면으로 포탄을 만들어 승리를 기약해야 할 것이다.

창닫기
기사를 추천 하셨습니다“일본과 경제 전쟁서 지면 민족 참화”… 이기려면?베스트 추천 뉴스

Let's block ads! (Why?)




August 01, 2020 at 09:40AM
https://ift.tt/2XhUrS6

[동아플래시100]“일본과 경제 전쟁서 지면 민족 참화”… 이기려면? - 동아일보

https://ift.tt/2ArL0ar

“พิชัย” รับเห็นรายชื่อครม.ใหม่แล้ว เชื่อแก้เศรษฐกิจไม่ได้ - Sanook

kuyupkali.blogspot.com

"พิชัย" รับเห็นชื่อ ครม. ใหม่ มั่นใจไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ แต่ จะยิ่งล้มเหลว เพราะตอนนี้ ลามไปถึงกระบวนการยุติธรรมแล้ว

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ตามที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะปรับคณะรัฐมนตรี ตามรายชื่อที่ได้คาดหมายกันแล้วนั้น เชื่อได้ว่า รัฐบาลจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ และ เศรษฐกิจไทยจะยิ่งแย่ลงกว่าเดิม โดยการเลือก นายปรีดี ดาวฉาย เป็นรองนายกฯ ควบ รมว. คลัง เข้าบริหารเศรษฐกิจ ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้ เพราะภาวะเศรษฐกิจที่ทรุดหนักในปัจจุบัน ต้องการคนที่มีความรู้ความสามารถอย่างมาก และต้องมีเครดิตอย่างสูงสะสมมาในอดีตเข้ามาบริหาร

ซึ่งนายปรีดี ไม่เคยมีผลงานในการบริหารเศรษฐกิจมาก่อนเลย และไม่เคยได้แสดงวิสัยทัศน์และแนวคิดในการแก้เศรษฐกิจให้ประจักษ์มาเลย อีกทั้งนายปรีดีเองก็จบการศึกษาทางด้านนิติศาสตร์ ไม่ได้มีพื้นฐานทางเศรษฐศาสตร์ เหมือนที่ พล.อ.ประยุทธ์ เคยถามออกอากาศในการประชุมนานาชาติ G77 ว่า จบอะไรมา ? แต่กลับไม่ตรวจสอบคนที่เลือก การที่เคยเป็นผู้บริหารระดับสูงของธนาคาร ไม่ได้หมายความว่าจะบริหารเศรษฐกิจของประเทศได้สำเร็จ เพราะผู้บริหารระดับสูงของธนาคารหลายคนที่เคยเข้าสู่การเมืองในอดีตเกือบทั้งหมด ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ซึ่งถ้าหากจะเลือกนายปรีดี พล.อ.ประยุทธ์ น่าจะเลือก นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ อดีตรมว. คลัง มากกว่า เพราะน่าจะเก่งกว่า และมีประสบการณ์การบริหารประเทศ และเป็นที่ยอมรับของคนในทุกวงการมากกว่า และการที่นายปรีดี ต้องรับตำแหน่งทั้งรองนายกฯ และ รมว. คลัง จะเกินมือ และเชื่อได้ว่าจะมีโอกาสล้มเหลวและเสียคนอย่างแน่นอน

ส่วนกระทรวงพลังงาน ที่นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร อดีต รมช. คมนาคม และ อดีต CEO บมจ. ปตท. ถอนตัว พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงไม่เลือกนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เข้ารับตำแหน่งตามมติพรรค พปชร. ซึ่งนายสุริยะควรจะต้องรู้ตัวแล้วว่า ต้องเป็นที่น่ารังเกียจอย่างแน่นอน ดังนั้นการที่ได้เป็น รมว. อุตสาหกรรม น่าจะเป็นจุดสูงสุดของนายสุริยะแล้ว จึงอยากให้นายสุริยะได้ทำใจ และเป็นห่วงว่า รมว. พลังงานคนใหม่ จะทนแรงกดดันจากคนของพรรค พปชร. ที่อยากได้ตำแหน่งนี้ได้ขนาดไหน

ในส่วนของ รมว. แรงงาน และ รมว. อุดมศึกษาฯ ก็เป็นตามที่พรรคการเมืองเสนอมา คงมีแต่ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกรัฐบาล ที่ถูกโจมตีอย่างหนัก ซึ่งก็คงต้องดูผลงานว่าขนาดแค่ด้านแรงงาน นางนฤมล จะทำได้ดีขนาดไหน และจะทำได้ดีกว่างานโฆษกที่ยังมีผลงานสับสนหรือไม่ ดังนั้น จากภาพรวมของการปรับ ครม. รัฐบาลจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้เลย และจะยิ่งตอกย้ำความล้มเหลวของรัฐบาลในทุกด้าน ทั้ง เศรษฐกิจ สังคม การเมือง และ ตอนนี้ได้ลามไปถึง ขบวนการยุติธรรมแล้ว ซึ่งไม่เคยมีรัฐบาลใดล้มเหลวทุกด้านขนาดนี้มาก่อน

Let's block ads! (Why?)



"เศรษฐกิจ" - Google News
August 01, 2020 at 09:13AM
https://ift.tt/3ffwC3n

“พิชัย” รับเห็นรายชื่อครม.ใหม่แล้ว เชื่อแก้เศรษฐกิจไม่ได้ - Sanook
"เศรษฐกิจ" - Google News
https://ift.tt/3crAsVL

ชะตาเศรษฐกิจไทย ในมือ 'ทีมใหม่' - thebangkokinsight.com

kuyupkali.blogspot.com

“ผมอยากจะพูดถึงสิ่งที่เราต้องทำ เพื่อจะพลิกฟื้นเศรษฐกิจกลับมาให้ได้โดยเร็ว” ประโยคสำคัญในการแถลงของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อ 17 มิถุนายน 2563 ในเรื่องวิธีการทำงานแบบนิวนอร์มอล (New Normal) ของรัฐบาลแปลความได้ว่า เศรษฐกิจไทยกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่มีปัญหาหนัก ต้องเร่งแก้ไข

พิษ “โควิด-19” ระบาดหนักไปยังเศรษฐกิจทั้งโลก  แม้ขณะนี้สถานการณ์โรคในประเทศไทยจะคลี่คลายลงมาก แต่เศรษฐกิจไทยกลับสวนทาง  ดิ่งลงจนต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งสร้างความวิตกกังวลต่อประชาชน และทุกภาคส่วน

แต่ละวัน ต่างเฝ้าลุ้น เฝ้ารอ มาตรการและแนวนโยบายในการฟื้นฟูจากรัฐบาลที่กำลังอยู่ระหว่างปรับเปลี่ยน “ทีมเศรษฐกิจใหม่”

เมื่อย้อนไปในอดีตไม่นานนัก หลายครั้งที่เกิดวิกฤตถึงขั้นที่เศรษฐกิจอาจล้มได้ รัฐบาลจะมีความสามารถในการจัดการ จนพ้นออกจากวิกฤตได้เสมอ อย่างเช่น ช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง ในปี 2540 ที่เกิดการไหลออกของเงินทุนต่างประเทศ จนรัฐบาลต้องใช้ยาแรง “ลอยตัวค่าเงินบาท” ส่งผลให้การส่งออกขยายตัวสูงขึ้น เพิ่มรายได้ให้กับประเทศ จนเศรษฐกิจฟื้นตัวกลับได้ในเวลาไม่นาน

หรือกรณีที่มีต้นเหตุมาจากวิกฤตน้ำมัน จนเกิดการขาดดุลการค้า และบัญชีเดินสะพัดสูง ระหว่างปี 2524-2528 รัฐบาล พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ตัดสินใจลดค่าเงินบาทลง 14.8% ทำให้เศรษฐกิจรอดพ้นออกจากวิกฤต ส่งผลให้เศรษฐกิจขยายตัวสูง และโครงการ Eastern Seaboard ประสบความสำเร็จในเวลาต่อมา

แน่นอนว่า วิกฤตเศรษฐกิจในอดีต ไม่อาจเปรียบเทียบกับสถานการณ์เศรษฐกิจที่เข้าขั้นวิกฤตของไทยในปัจจุบันได้ เพราะปัจจัยแวดล้อมของโลกที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงเวลาย่อมต่างกัน และยิ่งในระยะหลัง เทคโนโลยีก้าวกระโดดอย่างรวดเร็วมาก

ดังนั้น “ทีมเศรษฐกิจใหม่” ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่ถูกคัดสรรมาทดแทนทีมเก่า ก็จะเผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญ สังคมกำลังจับจ้องว่า ทีมเศรษฐกิจใหม่ของรัฐบาล จะมีแนวทางในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจไทยให้กลับมาโดยเร็วได้อย่างไร

จากที่เฝ้าติดตามสถานการณ์ ผมมีความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ 3 ประเด็น คือ

1. คุณสมบัติของรัฐมนตรีเศรษฐกิจ

นอกจากจะต้องเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถ โปร่งใส และรักษาผลประโยชน์ของชาติ ซึ่งเป็นเรื่องปกติของผู้บริหารราชการแผ่นดินอยู่แล้ว แต่คุณสมบัติสำคัญอีกประการ คือ มีทักษะพิเศษที่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่มีความสลับซับซ้อน (Complex problem-solving) ในยุคใหม่ได้ด้วย ไม่ใช่เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านอย่างเดียว แต่มีองค์ความรู้ ความเข้าใจในศาสตร์อื่นๆ ที่เป็นพื้นฐานด้วย อย่างเช่น ด้านเศรษฐกิจ การเมือง เทคโนโลยีสมัยใหม่ การต่างประเทศ และภูมิรัฐศาสตร์

2. แนวนโยบายเศรษฐกิจใหม่

เพื่อการพลิกฟื้นเศรษฐกิจควรมีความชัดเจนตรงเป้า ซึ่งอาจประกอบด้วยหลายมาตรการ หรือโครงการ ที่นำไปสู่การแก้ปัญหาเร่งด่วน ระยะสั้น และระยะปานกลาง และคู่ขนานกับนโยบายใหม่นี้ ควรวางแนวทาง “การปฏิรูปเศรษฐกิจเฉพาะด้าน” ที่คาดว่าจะเกี่ยวข้องกับนิวนอร์มอล ไปในโอกาสเดียวกันด้วย แต่การปฏิรูปนี้ จะไม่เกี่ยวข้องกับแผนปฏิรูปประเทศ ที่ยังไม่แล้วเสร็จ

แน่นอนว่า การปฏิรูปจะสำเร็จได้ ต้องอาศัยภาวะผู้นำสูง และทีมเศรษฐกิจที่มีศักยภาพ หรือ Charismatic Reformer ที่กล้าทำ กล้าตัดสินใจ ในเรื่องที่อาจมีผลกระทบต่อบางภาคส่วน แต่เป็นผลดีต่อส่วนรวม

3. ทีมเศรษฐกิจต้องเป็นเอกภาพ

ในขณะที่ยังไม่ชัดเจนว่า ทีมเศรษฐกิจใหม่จะประกอบด้วยใครบ้าง และกระทรวงเศรษฐกิจใดบ้าง ที่จะเป็นกลุ่มกระทรวงเป้าหมายของการฟื้นฟูเศรษฐกิจครั้งนี้ ซึ่งขึ้นอยู่กับการวางแผนเชิงกลยุทธ์ (Strategic Planning) ว่า ในแต่ละกลุ่มเศรษฐกิจ เช่น กลุ่มการผลิต SME เกษตร แรงงาน หรือท่องเที่ยว จะเน้นประเภทของธุรกิจใดก่อนหลัง เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริง และใช้งบประมาณ และเงินกู้อย่างมีประสิทธิภาพ

แม้วิกฤตการณ์โควิด-19 จะดีขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจไทยทรุดลงกว่าเดิม ทีมเศรษฐกิจใหม่ของรัฐบาล จึงเป็นที่คาดหวังจากประชาชนและภาคเอกชน ทั้ง “คุณสมบัติ” และ “ศักยภาพ” ที่จะเข้ามาพลิกฟื้นเศรษฐกิจให้กลับมาโดยเร็ว โดยเฉพาะแนวนโยบายใหม่ หรือมาตรการต่างๆ ที่จะเป็นการปฏิรูป เพื่อรองรับ New Normal อย่างที่นายกรัฐมนตรีก็คาดหวังไว้เช่นกันว่า วิกฤตครั้งนี้ จะช่วยให้เราเปลี่ยนโฉมหน้าของประเทศ ให้ประเทศไทยก้าวเดินออกจากหายนะโควิด ไปเป็นประเทศที่แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม

“นี่คือเวลาที่โลกเปลี่ยน และเราจะต้องเปลี่ยนด้วย” คำมั่น ที่นายกรัฐมนตรีให้ไว้ ดังนั้น “ทีมเศรษฐกิจใหม่” ของรัฐบาล ก็จะยิ่งสำคัญในระดับที่ชี้ชะตาเศรษฐกิจไทยได้ทั้งปัจจุบันและอนาคต 

Add Friend Follow

Let's block ads! (Why?)



"เศรษฐกิจ" - Google News
August 01, 2020 at 10:00AM
https://ift.tt/2XiRnoC

ชะตาเศรษฐกิจไทย ในมือ 'ทีมใหม่' - thebangkokinsight.com
"เศรษฐกิจ" - Google News
https://ift.tt/3crAsVL

【美國大選】拜登倡7000億經濟藍圖實與特朗普換湯不換藥- 香港經濟日報- 即時新聞頻道- 國際形勢- 環球政治 - 香港經濟日報 - 即時新聞

kuyupkali.blogspot.com

美國總統大選尚餘3個月便舉行,民主黨總統候選人拜登提出其涉資7000億美元的經濟藍圖,倡議美國人買美國貨(Buy American),取代對手特朗普的美國優先(America First)主張,但實際執行下來,兩者很可能只是換湯不換藥。

  • 拜登倡買美國貨,研開創高質職位
  • 鼓勵買美國貨,實則延續美國優先
  • 高質職位涉5G交鋒,難棄現屆套路

【美國大選】拜登重申當選後上調企業稅「終結股東資本主義」

【美國大選分析】拜登阿茂整餅 想跟選民荷包為敵?

拜登在賓夕法尼亞州公開經濟大計,揚言要為美國家庭建構一個新的美國經濟,讓所有美國人獲得公平機會透過工作獲取回報。

其涉資7000億美元的主張聚焦在兩大範疇,一是買美國貨,二是研究「創造高質素職位」(high-quality job creation),期望透過上述計劃為製造業和創新行業帶來最少500萬個新職位。

買美國貨計劃,就是在上台4年內增加政府購買美國貨,期望藉此推動對美國貨和美國服務的需求。政府踏出的當然只是第一步,拜登接下來是希望鼓勵美國人也會支持美國貨,從而推動內需。

美國推動內需確實是迫切,特別是國際社會正受到新冠肺炎疫情和中美角力加劇的兩大衝擊。

疫情令各國經濟趨於衰退,甚至蕭條,與其寄望外貿打救國家經濟,倒不如想辦法自救,以美國如此龐大經濟體,理論的確可行。

中美交惡,無疑影響兩國往來貿易,增加不明朗因素。拜登曾經揚言,他一上台便會經濟制裁中國,倘若言行一致,意味他將不會撤銷特朗普關稅之類的對中國施壓手段,甚或較特朗普當前更趨強硬,美國經濟自然不可押注到中美貿易之上。

於是乎,拜登眼前最穩陣的做法,就是推動內需。偏偏,拜登以此舉針對特朗普的美國優先,實際上卻是建基於美國優先,甚至將之延續。

在特朗普上台前,製造業早已大舉離開美國,投向中國或東南亞等地,才有大批藍領支持特朗普上台。在關稅壓力和稅務誘因下,美國製造業跟4年前相對地復甦,才有拜登如今可以有美國貨可買。

【美國示威】極左脅逼解散警隊 拜登撐唔撐都頭痛

【美國示威】拜登倡療癒國家 抽水多於實際

至於開創製造業和創新行業的職位,雖然換了說法,但本質上也是跟特朗普同一套路。

製造業方面,要創造職位,自然需要美企回流,也正正是美國優先的目標;創新行業,拜登提到美國不能在未來競賽坐以待斃,任由中國大灑金錢搶佔先機。雖然他未明確提及哪一範疇的創新科技,但依目前形勢,5G也料在範圍之內。

眾所周知,美國5G發展已經較中國遲了起步,特朗普如今只好靠外交壓力和制裁華為等手段,限制中美5G差距拉闊。除非放棄5G,直接跳到更新科技,否則拜登單靠撒錢,是不可能有效追回劣勢,到頭來又是走回特朗普舊路。

結果數一數,拜登的經濟大計還是走回特朗普那一套,唯一問題或許是,主流傳媒會否厚此薄彼,不冠以保護主義的罪名。

撰文 : 凌絕頂

欄名 : 國金札記+

Let's block ads! (Why?)




August 01, 2020 at 10:20AM
https://ift.tt/318rxFa

【美國大選】拜登倡7000億經濟藍圖實與特朗普換湯不換藥- 香港經濟日報- 即時新聞頻道- 國際形勢- 環球政治 - 香港經濟日報 - 即時新聞

https://ift.tt/3ddfeez

Fahrbericht: Toyota Yaris 2020: Ein feines Stück Technik - FOCUS Online

kuyupkali.blogspot.com

Nach mehr als zwei Jahrzehnten Toyota Yaris geht nunmehr die vierte Generation des Kleinwagens an den Start. Der stadttaugliche Japaner fällt ähnlich kurz, aber geräumiger als sein Vorgänger aus.

Da steht er nun – der Toyota Yaris der vierten Generation. Und er bleibt sich treu als besonders kurzer Vertreter seines Segments, trumpft also mit nahezu gleicher Außenlänge (3,95 Meter) bei der Parkplatzsuche in der Stadt auf. Allerdings gibt es fünf Zentimeter mehr Radstand, um gewachsenen Raumansprüchen der Kundschaft Rechnung zu tragen. Außerdem rollt er satter, weil vier Zentimeter flacher an, während die Breite um fünf Zentimeter anwuchs. Auf den ersten Blick wirkt der neue Yaris selbstbewusst eingepreist, startet er doch bei wenigstens 15.391 Euro für den Einliter mit 53 kW/92 PS, während die üppig ausstaffierte „Premier Edition“ als 85 kW/116 PS starke Hybrid-Variante mit 25.140 Euro zu Buche schlägt. Allerdings kommt schon die Basis alles andere als mager daher. Umfangreiche autonome Bremsfunktionen inklusive Fußgänger-Erkennung und Kreuzungsassistent, zahlreiche connected Services und sogar ein adaptiver Tempomat sind eingepreist. Die gemittelten Verbräuche pendeln sich je nach Version zwischen 2,8 und 5,1 Litern je 100 Kilometer ein.

Da der Verkaufsanteil der Einliter-Variante hierzulande nicht einmal zehn Prozent betragen soll, hat Toyota auf deren dynamische Präsentation gleich verzichtet – demnach starten wir mit dem 1,5 Liter großen Benziner (92 kW/125 PS), dessen Volumen die Ingenieure übrigens ebenso aus drei Töpfen generieren. Und neben einer CVT-Automatik bietet Toyota ein manuelles Sechsgang-Getriebe, um die fahraktiven oder preissensiblen Interessenten bei der Stange zu halten. Im Innenraum vermittelt der Yaris ein gutes Raumgefühl – jedenfalls gilt das für die erste Reihe. Im Fond fällt das Platzangebot trotz gewachsenen Randstands nicht üppiger aus als beim Vorgänger, der Radstandgewinn wirkt sich gänzlich auf den Platz vorn aus. Produktspezialist Marvin Inden-Lohmar erklärt das mit den Bedürfnissen der Klientel, die selten mit mehr als zwei Insassen unterwegs sei. Insofern geht die Kniefreiheit hinten zwar Ordnung, wer häufig weitere Reisen mit mehr als zwei Personen bestreitet, hat Alternativen.

Der dezent sirrenden Dreizylinder ist ein feines Stückchen Maschinenbau. Der Benziner schiebt den Eintonner munter, wenngleich nicht ungestüm an und reicht für diverse Anwendungen. Mit dem leistungsverzweigten Hybridstrang (85 kW/116 PS) gibt es ein bisschen weniger Kraft bei rund einhundert Kilogramm mehr Gewicht, aber dennoch fährt der mit zwei Triebwerken ausgerüstete Japaner recht souverän. Das mag nicht zuletzt am kräftigen Drehmoment (141 Newtonmeter) der E-Maschine liegen, die beflissen mithilft, den Kleinwagen zu beschleunigen. Grundsätzlich werkelt unter dem Blech die gleiche Technik wie bei den früheren Toyota-Hybriden: Verbrenner und E-Aggregat hängen – vereinfacht ausgedrückt – gemeinsam an einem Planetengetriebe, was geschmeidiges elektrisches Anfahren erlaubt und keinerlei Rucke bei der Übersetzungsveränderung zur Folge hat. Zwar verrät Toyota nicht die Kapazität der inzwischen auf Lithium-Ionen-Technik umgestellten Batterie, aber Ingenieur Keisuke Morisaki von der europäischen Toyota-Zentrale erklärt, dass das lautlose Aggregat mehr booste als früher und gut sei für zwei Kilometer rein elektrische Fahrt, die in der Spitze bis zu 130 km/h schnell werden kann.

Zum Schluss noch ein Wort zu den ästhetischen Belangen: Der Toyota Yaris ist zwar ein waschechter Südfranzose, zumindest ist sein Design in Nizza entstanden. Produziert wird der Kleinwagen im (nord-)französischen Valenciennes. Im Vergleich zu anderen asiatischen Marken bleibt Toyota aber dem japanisch angehauchten Stil treu, leistet sich etwas mehr Schwung in der Linienführung, als das bei hiesigen Gestaltern der Fall wäre. Jedenfalls ist der neue Toyota Yaris ein Charakter-Kleinwagen, präsentiert sich klar positioniert mit seiner betont kompakten Außenhaut. Viel Technik macht die neue Generation interessant, und das bezieht sich keineswegs bloß auf die umfangreiche Fahrerassistenz. Beim Infotainment hat Toyota draufgelegt, bietet jetzt sogar ein Head-up-Display, das die Informationen gleich in die Windschutzscheibe projiziert und nicht auf ein billig wirkendes, kleines Plexiglas-Scheibchen. Mechanische Anzeigenadeln sind Schnee von gestern, der Yaris präsentiert Drehzahl und Tempo per Display. In der Mitte des immer noch in klassischer „Tachometer“-Manier gestylten Kombiinstruments prangt ein fein integrierter Multifunktionsbildschirm, um den Achtzöller auf der Mittelkonsole zu unterstützen. Dass der Yaris auch mit umfangreichen Navigationsfunktionen sowie einer Smartphone-Integration aufwartet, bedarf keiner Diskussion

Toyota Yaris – Technische Daten:

Kleinwagen, Länge: 3,95 Meter, Breite: 1,75 Meter, Höhe: 1,47 Meter, Radstand: 2,56 Meter

Benzin: 1,0-Liter-Dreizylinder-Otto, 53 kW/72 PS, maximales Drehmoment: 94 Nm bei 4.400 U/Min, Fünfgang-Schaltgetriebe, Frontantrieb, 0-100 km/h: 14,6 s, Vmax: 160 km/h, Durchschnittsverbrauch: 4,2 l, CO2-Ausstoß: 95 g/km, Effizienzklasse: k.A., Abgasnorm: Euro 6 AP, Preise: ab 15.392 Euro

Benzin: 1,5-Liter-Dreizylinder-Otto, 92 kW/125 PS, maximales Drehmoment: 153 Nm bei 4.800 bis 5.000 U/Min, Sechsgang-Schaltgetriebe, Frontantrieb, 0-100 km/h: 9,0 s, Vmax: 180 km/h, Durchschnittsverbrauch: 4,8 l, CO2-Ausstoß: 108 g/km, Effizienzklasse: k.A., Abgasnorm: Euro 6 AP, Preise: ab 18.024 Euro

Hybrid: 1,5-Liter-Dreizylinder-Otto, 67 kW/91 PS, maximales Drehmoment: 120 Nm, E-Motor: 59 kW/80 PS, maximales Drehmoment: 141 Nm, Systemleistung: 85 KW/116 PS, Automatik (stufenlos), Frontantrieb, 0-100 km/h: 9,7 s, Vmax: 175 km/h, Durchschnittsverbrauch: 2,8 l, CO2-Ausstoß: 64 g/km, Effizienzklasse: k.A., Abgasnorm: Euro 6 AP, Preise: ab 19.486 Euro




July 31, 2020 at 09:32PM
https://ift.tt/3hWFs7Q

Fahrbericht: Toyota Yaris 2020: Ein feines Stück Technik - FOCUS Online

https://ift.tt/2BUoRSw
Toyota

トランプ政権、TikTok売却命令か Microsoftの買収浮上 - 日本経済新聞

「ティックトック」の成功で中国のバイトダンスは未上場スタートアップとしては評価額世界一を誇るが…=ロイター

「ティックトック」の成功で中国のバイトダンスは未上場スタートアップとしては評価額世界一を誇るが…=ロイター

【ワシントン=中村亮、シリコンバレー=奥平和行】複数の米メディアは31日、トランプ政権が中国の北京字節跳動科技(バイトダンス)に対し、動画投稿アプリを運営する米子会社「TikTok(ティックトック)」を売却するよう命じると報じた。中国政府への個人情報の流出を防ぐ目的だという。買い手として米マイクロソフトが浮上した。

トランプ氏は31日、ホワイトハウスで記者団に対し「ティックトックを禁止するかもしれない。別のことも検討している。どうなるか見てみよう」と語った。

ティックトックを巡ってはポンペオ国務長官が7月上旬に利用禁止を検討していると明らかにし、政府内で安全保障への影響を精査してきた。

一方、米ニューヨーク・タイムズなどは31日、米マイクロソフトがティックトックの買収に向けた交渉を進めていると報じた。ティックトックの広報担当者は31日、日本経済新聞の取材に対して「噂や臆測にはコメントしないが、ティックトックの長期的な成功を確信している」などと説明した。マイクロソフトの広報担当者は「コメントを控える」とした。

ティックトックは2016年に中国のインターネット企業、バイトダンスが始めた。17年には米国で動画アプリを提供していた米ミュージカリーを買収して両社のサービスを統合した経緯がある。現在も「中国版」とミュージカリーの流れをくむ「海外版」が併存している。

「ティックトック」は若者の間で人気を高めている

「ティックトック」は若者の間で人気を高めている

米子会社をめぐってはバイトダンスに出資する米国を地盤とする株主が株式の過半を取得して中国色を薄め、サービス提供の継続を目指すとの観測もあった。

世界最大のユニコーン企業(企業価値が10億ドルを上回るスタートアップ企業)であるバイトダンスにはソフトバンクグループも傘下のファンドを通じて出資しており、同社の事業戦略にも影響しそうだ。

Let's block ads! (Why?)



"経済" - Google ニュース
August 01, 2020 at 03:12AM
https://ift.tt/2BLfMM3

トランプ政権、TikTok売却命令か Microsoftの買収浮上 - 日本経済新聞
"経済" - Google ニュース
https://ift.tt/2peK9o1
Shoes Man Tutorial
Pos News Update
Meme Update
Korean Entertainment News
Japan News Update

ธปท.ระบุเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ - ผู้จัดการออนไลน์

kuyupkali.blogspot.com


ธปท.ระบุไตรมาศ 2 อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทยต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ คาดวว่าติดลบไม่เกินร้อยละ 15 หวั่นโควิด-19 รอบ 2 ต้องล็อกดาว์นกระทบหนัก พร้อมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดเพราะมีความไม่แน่นอนสูง ด้านค่าเงินบาทช่วงนี้อ่อนค่าเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจไทย ส่วนเศรษฐกิจและการเงินเดือนมิถุนายนปรับตัวดีขึ้น

นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 ปี 2563 หดตัวสูง ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ คาดว่าติดลบไม่เกิน 15% จากผลของมาตรการปิดเมืองเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่เข้มงวดทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหลายภาคส่วนต้องหยุดดำเนินการชั่วคราว โดยอุปสงค์ต่างประเทศหดตัวสูง ทั้งภาคการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ และภาคการส่งออกสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าที่อ่อนแอลงมาก ส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะเครื่องชี้การบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชน รวมทั้งการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่หดตัวสูง อย่างไรก็ดี การใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวได้และมีบทบาทสำคัญในการช่วยพยุงเศรษฐกิจ ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบตามอัตราเงินเฟ้อหมวดพลังงานเป็นสำคัญ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเป็นบวกเล็กน้อย ด้านดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลเล็กน้อยจากที่เกินดุลสูงในไตรมาสก่อน จากรายรับภาคการท่องเที่ยวที่ลดลงมาก ประกอบกับเป็นฤดูกาลส่งกลับกำไร และเงินปันผลกลับต่างประเทศของบริษัทต่างชาติในไทย ส่วนดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายเกินดุลสุทธิทั้งด้านสินทรัพย์และด้านหนี้สิน

สำหรับเศรษฐกิจไทยในเดือนมิถุนายน 2563 ปรับดีขึ้นจากเดือนก่อน จากการทยอยผ่อนคลายมาตรการปิดเมืองทั้งในและต่างประเทศที่ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทยอยกลับมาดำเนินการได้มากขึ้น โดยมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมทองคา เครื่องชี้การบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชน และการผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวน้อยลง ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวทั้งรายจ่ายประจาและรายจ่ายลงทุน อย่างไรก็ดี ภาคการท่องเที่ยวหดตัวสูงต่อเนื่อง จากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศที่ยังคงมีอยู่

ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจยังคงเปราะบาง อัตราเงินเฟ้อทั่วไปและอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานติดลบ สอดคล้องต่ออุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแอ ขณะที่ในส่วนของตลาดแรงงาน จำนวนผู้ว่างงานยังเพิ่มสูงขึ้น ด้านดุลบัญชีเดินสะพัดใกล้สมดุล ขณะที่ดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายเกินดุลสุทธิจากทั้งด้านสินทรัพย์และด้านหนี้สิน

มูลค่าการส่งออกสินค้าหดตัวร้อยละ 24.6 จากระยะเดียวกันปีก่อน หดตัวสูงขึ้นเล็กน้อย เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า แต่หากไม่รวมการส่งออกทองคำ มูลค่าการส่งออกหดตัวลดลงที่ร้อยละ 18.4 น้อยลงมากเมื่อเทียบกับร้อยละ 29.0 ในเดือนก่อน ตามการส่งออกที่ปรับดีขึ้นในเกือบทุกหมวดสินค้า สอดคล้องต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ปรับดีขึ้นตามการทยอยเปิดเมืองของประเทศคู่ค้า อย่างไรก็ดี อัตราการหดตัวของมูลค่าการส่งออกสินค้ายังอยู่ในระดับสูง สะท้อนรายได้ของประเทศคู่ค้าที่ยังคงอ่อนแอ โดยเฉพาะหมวดยานยนต์และชิ้นส่วน หมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ หมวดสินค้าที่มูลค่าเคลื่อนไหวตามราคาน้ำมันดิบ

เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนหดตัวน้อยลงจากเดือนก่อน โดยการใช้จ่ายปรับดีขึ้นในทุกหมวด เป็นผลจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดของโรค COVID-19 ทำให้ประชาชนออกมาใช้จ่ายมากขึ้น ประกอบกับได้รับแรงสนับสนุนต่อเนื่องจากมาตรการเยียวยาของภาครัฐ อย่างไรก็ดี เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนยังคงหดตัวสูง สอดคล้องต่อปัจจัยด้านรายได้และความเชื่อมั่นที่ยังคงอ่อนแอ ทั้งนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวน้อยลงในเกือบทุกหมวดสินค้า สอดคล้องต่อการส่งออกและการบริโภคภาคเอกชนที่ปรับดีขึ้น

เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนหดตัวน้อยลงจากเดือนก่อน ตามการลงทุนหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ปรับดีขึ้น ทั้งยอดจำหน่ายเครื่องจักรในประเทศ ยอดจดทะเบียนรถยนต์ และการนำเข้าสินค้าทุน ขณะที่การลงทุนหมวดก่อสร้างหดตัวสูงขึ้นตามยอดจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนยังคงหดตัวสูง สอดคล้องต่ออุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศที่อ่อนแอ กำลังการผลิตส่วนเกินที่ยังอยู่ในระดับสูง และความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่แม้ปรับดีขึ้นบ้างแต่ยังอยู่ในระดับต่ำ

มูลค่าการนำเข้าสินค้าหดตัวร้อยละ 18.2 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยเป็นการหดตัวน้อยลง เมื่อเทียบกับเดือนก่อนในทุกหมวดสินค้าสำคัญ ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค วัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางและสินค้าทุน ส่วนหนี่งเป็นผลของฐานที่ต่ำในระยะเดียวกันของปีก่อน และอีกส่วนหนึ่งเป็นผลจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมที่ปรับตัวดีขึ้น

การใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่รวมเงินโอนขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน จากทั้งรายจ่ายประจำ และรายจ่ายลงทุน โดยรายจ่ายประจำขยายตัวเล็กน้อยตามการเบิกจ่ายเพื่อซื้อสินค้าและบริการ ส่วนรายจ่ายลงทุน ขยายตัวสูงตามการเบิกจ่ายของรัฐบาลกลางเพื่อซ่อมบำรุงถนนเป็นสาคัญ ขณะที่การลงทุนของรัฐวิสาหกิจหดตัว จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศหดตัวสูงต่อเนื่องที่ร้อยละ 100 จากระยะเดียวกันปีก่อน จากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศของไทยที่ยังคงมีอยู่ ส่งผลให้ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้ามาทอ่งเที่ยวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3

ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจยังคงเปราะบาง โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังติดลบต่อเนื่อง แม้จะติดลบน้อยลงจากอัตราเงินเฟ้อในหมวดพลังงานที่ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานติดลบเล็กน้อย สอดคล้องต่ออุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแอ สำหรับตลาดแรงงานยังคง เปราะบาง ส่วนหนึ่งสะท้อนจากจำนวนผู้ขอรับสิทธิว่างงานในระบบประกันสังคมที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดใกล้สมดุล ส่วนดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายเกินดุลสุทธิจากทั้งด้านสินทรัพย์จากการขายสุทธิ ตราสารหนี้และการถอนเงินฝากในต่างประเทศของนักลงทุนไทย และด้านหนี้สินจากการกลับเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในตลาดตราสารหนี้

Let's block ads! (Why?)



"เศรษฐกิจ" - Google News
July 31, 2020 at 03:38PM
https://ift.tt/3gg2BBL

ธปท.ระบุเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 ต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ - ผู้จัดการออนไลน์
"เศรษฐกิจ" - Google News
https://ift.tt/3crAsVL

Toyota : Les ventes se redressent en Juin dans le monde - BFM Bourse

kuyupkali.blogspot.com
BFM Bourse

(CercleFinance.com) - Les ventes de Toyota dans le monde en juin se redressent pour atteindre 84 % des ventes de la même période en 2019.

En Chine, les résultats des trois derniers mois sont en augmentation par rapport à l'an dernier. Quant aux ventes en Europe, elles s'améliorent depuis le mois de mai.

Au Japon, les ventes du mois représentent 77,3 % des ventes sur la même période l'an dernier, correspondant à la fin de l'état d'urgence (qui a duré du 7 avril au 31 mai).

Le RAV4 est le modèle Toyota le plus vendu au premier semestre. Ses ventes mondiales s'élèvent à environ 426 000 unités.

En juin, la production mondiale du Groupe a repris à hauteur de 76 % du niveau de l'année précédente sur la même période (la production était en baisse de 50,8 % en avril et de 54,4 % en mai).

Copyright (c) 2020 CercleFinance.com. Tous droits réservés.




July 31, 2020 at 03:42PM
https://ift.tt/33ejr0s

Toyota : Les ventes se redressent en Juin dans le monde - BFM Bourse

https://ift.tt/2VhFHBL
Toyota

reportage : La Toyota Yaris hybride fonctionne 80% du temps en mode tout électrique - La Tribune Auto

kuyupkali.blogspot.com
Plus courte de 5 mm, plus large de 50 mm et plus basse de 40 mm que la précédente génération, soit 3 940 mm de long pour 1 745 mm de large et 1 500 mm de haut, la Toyota Yaris hybride affiche des lignes extérieures puissantes et tendues et une posture basse et bien campée.

Le design de l'avant se concentre autour de la calandre et de l'emblème central Toyota.

En reculant la base des montants de pare-brise et en allongeant le capot, les designers Toyota ont accentué le dynamisme des lignes.

Compacte, la Yaris Hybride semble toujours prête à s'élancer, comme une athlète dans les starting-blocks. Les ailes arrière élargies et les proportions arrière raccourcies du véhicule donnent l'impression d'un concentré de puissance.

Équipés de LED, les feux extérieurs font alterner clignotants et feux de jour.

Les optiques de phares s'étirent vers les roues avant dans un dessin orignal qui raccourcit visuellement le porte-à-faux avant.

Les dimensions « condensées » s'accompagnent d'un allongement de l'empattement de 50 mm (soit 2 560 mm) et d'un niveau d'assise des occupants plus bas.

Le design intérieur crée à l'avant un espace ouvert et spacieux. Il fait appel à un feutre pour les contre-portes et, une planche de bord moussée.

Le poste de conduite s'articule autour du concept « les mains sur le volant, les yeux sur la route ».

Les informations sont présentées au conducteur de façon directe à partir de trois sources interconnectées : l'écran central Toyota Touch, l'affichage multifonction du tableau de bord et l'affichage tête haute couleur de 10 pouces.

Les informations essentielles sont projetées à la base du pare-brise, dans le champ de vision du conducteur. Parmi ces indications figurent la vitesse, des alertes sécurités liées au système Toyota Safety Sense), des données de navigation et des informations multimédias. Le conducteur peut sélectionner les informations à afficher à partir d'un menu sur l'affichage multifonction.

La planche de bord a été affinée et descendue, tandis que la console centrale est désormais plus large et plus haute.

Au tableau de bord surmonté d'une petite casquette, deux cadrans numériques encadrent l'affichage multifonction.

Le volant, plus petit et plus sportif, est équipé de commandes faciles à identifier sans regarder.

La citadine hybride de moins de quatre mètres de long offre un coffre profond de 700 mm et d'une capacité de 286 litres.

La Yaris hybride propose un chargeur sans fil pour accueillir la dernière génération de smartphones, ou encore un éclairage d'ambiance spécial.

Conçue sur la plateforme compacte GA-B déclinée de l'architecture globale TNGA (Toyota New Global Architecture), la Toyota Yaris de quatrième génération revendique le titre de "citadine la plus sûre au monde" grâce aux progrès réalisés en matière de sécurité active et passive.

Grâce à la plateforme GA-B, la rigidité de caisse s'accroit sensiblement au bénéfice de la tenue de route et du confort de marche, mais aussi de la réduction des bruits et vibrations.

La plateforme GA-B, comprenant le châssis et la transmission, permet d'accroître la rigidité en torsion de 37 %. Cela est dû à une série de renforcements de la caisse, un panneau de bord plus rigide et à l'utilisation plus importante de points de soudure et d'adhésif de collage.

Les longerons sont connectés aux renforcements de pare-chocs. Au niveau de la suspension avant, le haut de l'amortisseur sert de pivot de direction supérieur. Une structure « en anneau » au niveau de la coiffe de planche de bord a permis de gagner encore en rigidité, alors que dans la partie centrale du véhicule, le tunnel et l'arrière ont été renforcés, formant une structure « en anneau » rigide.

À l'arrière, des goussets ont été ajoutés au plancher du passage de roues.

Les renforts du passage de roues et des montants arrière forment une structure « en anneau ».

L'architecture du soubassement et la partie haute de la carrosserie ont été optimisées par des renforts en de nombreux points : auvent de capot moteur, montants arrière, tunnel, structure arrière, et passages de roue.

La Toyota Yaris Hybride embarque la technologie hybride Toyota de quatrième génération.

Le système hybride 1.5 Dynamic Force de 116 ch repose sur moteur essence trois cylindres 1.5 litre Dynamic Force à cycle Atkinson et distribution variable et l'architecture du Toyota Hybrid System.

Les soupapes d'admission restent ouvertes plus longtemps, ce qui retarde la phase de compression, permettant d'améliorer le rendement et donc la consommation de carburant.

Le groupe propulseur atteint une puissance maximale de 92 ch et un couple maximum de 120 Nm entre 3 600 et 4 800 tr/min.

La configuration trois cylindres est un facteur de réduction du bruit.

Des mesures spécifiques ont diminué les frottements internes, les pertes mécaniques et optimisé la combustion. La vitesse de combustion élevée permet d'obtenir un couple élevé à bas régime doublé d'un rendement énergétique de 40%.

Ce moteur profite aussi d'un module d'équilibrage, facteur de réduction des bruits et vibrations.

La transmission automatique e-CVT, à variation continue électronique, donne la sensation d'une accélération linéaire et silencieuse, en dehors des fortes accélérations.

Le système hybride fonctionne avec deux moteurs/générateurs : MG1 et MG2.

Le moteur/générateur MG2 est relié aux roues avant et peut servir de moteur électrique de traction.

Le moteur/générateur 2 fournit une puissance de 59 kW et un couple de 141 Nm aux roues avant pour un maximum de 17 000 tr/min.

Le moteur/générateur MG1 sert à démarrer le moteur et à générer de l'électricité pour charger la batterie.

Le Toyota Hybrid System adopte une batterie hybride au lithium-ion de 177,6 V, plus puissante et plus légère (27%) que la batterie Nickel-hydrure métallique précédente, qui autorise des accélérations plus vives.

L'accélération 0 à 100 km s'effectue en 10,2 secondes.

L'accélération de 80 à 120 km/h s'effectue en 8,1 secondes.

La Yaris Hybride est idéale en milieu urbain. Testé dans plusieurs villes d'Europe, le système hybride Toyota fonctionne près de 80% du temps en mode tout électrique, donc sans aucune émission, en agglomération.

Le moteur thermique peut être arrêté et le véhicule peut rouler en mode 100 % électrique jusqu'à une vitesse de 130 km/h.

Lourde de 1 065 kg, la Yaris Hybride atteint une vitesse maximale de 180 km/h sur les autoroutes allemandes où la vitesse n'est pas limitée.

Le système hybride Toyota permet une consommation de carburant de 3,7 litres aux 100 km et des émissions de CO2 de 87 g/km (en cycle WLTP).

Les dimensions compactes de la batterie permettent de la placer sous le siège passager, avec la batterie auxiliaire, préservant ainsi l'espace de chargement.

Les suspensions avant à jambe de force MacPherson et l'essieu arrière à traverse déformable procurent un bon niveau de confort.

L'architecture de la plateforme et la partie supérieure de la caisse ont été conçues pour minimiser le bruit dans l'habitacle.

La citadine hybride Toyota embarque le Toyota Safety Sense (TSS) et profite d'avancées notables des dispositifs de sécurité active et passive.

Le pack Toyota Safety Sense inclut un système de sécurité de pré-collision avec détection de véhicule, de piéton (jour et nuit) et cycliste (jour), détection de circulation aux intersections et assistance directionnelle d'urgence, un régulateur de vitesse adaptatif, un  lecteur de panneaux de signalisation, un système d'alerte de franchissement de ligne avec aide au maintien dans la file et assistant de trajectoire et des feux de route automatiques.

Ces équipements sont livrés de série sur toutes les versions de la Yaris Hybride.

La protection anticollision est capable de détecter des piétons sur le trajet de la voiture (à une vitesse maximum de 80 km/h), de jour comme de nuit, ainsi que des cyclistes, de jour seulement. La plage de vitesse entre les véhicules du système de sécurité de pré-collision (PCS) atteint 180 km/h.

L'assistant de franchissement d'intersection permet d'éviter le risque courant de collision avec un autre véhicule ou un piéton à un croisement. Si le système détecte un piéton qui traverse la rue dans laquelle la voiture va s'engager, ou s'il y a un risque qu'elle croise la route d'autres véhicules, une alarme sonore se déclenche et, si le conducteur ne réagit pas, le frein d'urgence automatique est actionné. Cette fonctionnalité est active entre 10 et 25 km/h.

Le régulateur de vitesse adaptatif fonctionne entre 0 et 180 km/h. Il arrête la voiture si le véhicule qui la précède s'immobilise. Si l'arrêt dure moins de trois secondes, le redémarrage est automatique. Après un temps d'arrêt plus long, la voiture redémarre d'une légère pression sur l'accélérateur, ou sur la commande ACC au volant.

Le régulateur de vitesse adaptatif fonctionne en liaison avec le système de lecture des panneaux de signalisation du véhicule, afin de proposer au conducteur d'adapter le réglage de sa vitesse en fonction des limitations détectées.

L'assistant de trajectoire avec aide au maintien dans la file détecte les marquages au sol et si le véhicule dévie de sa voie sans que les clignotants soient enclenchés, une alerte sonore se déclenche. Le conducteur peut désormais utiliser l'aide au maintien dans la file, qui permet de maintenir le véhicule au centre de sa voie. Le système est capable de reconnaître les marquages au sol blancs et jaunes standard et les bords des routes (trottoirs, herbe ou terre). Ainsi, l'aide au maintien dans la file est presque toujours opérationnelle, sur route droite ou sinueuse. Si les marquages au sol ne sont pas visibles ou pas détectés, le système suivra la trajectoire du véhicule qui le précède, tout en se maintenant dans sa voie de circulation.

L'assistance directionnelle d'urgence vient aider le conducteur s'il y a risque de collision avec un piéton, ou un obstacle dans sa trajectoire, et qu'il faut donner un coup de volant afin d'éviter l'impact. Le système fournit un couple de braquage plus important pour améliorer la stabilité du véhicule et prévenir une éventuelle sortie de voie.

Outre ces aides à la conduite, la Yaris est dotée de série d'airbags centraux. Ils se déploient en cas d'impact latéral, pour éviter au conducteur et au passager de se percuter.

En option, l'avertisseur d'angle mort prévient le conducteur de la présence de véhicules qu'il aurait pu ne pas voir, de chaque côté de la voiture.

La Yaris Hybride est fabriquée à Valenciennes, en France.

Les prix de la Toyota Yaris Hybride:

116h France: 20 950 €
116h Design: 22 450 €
116h Iconic: 24 950 €
116h Collection: 24 950 €
116h Première: 25 450 €

Les principaux équipements de série de la Toyota Yaris Hybride:

FRANCE

LIGNE ET AÉRODYNAMIQUE :

• Antenne de toit type requin
• Enjoliveurs 15 pouces
• Feux de jour et feux stop à LED
• Projecteurs halogènes avec feux de jour

SÉCURITÉ ET CONDUITE :

• Frein de parking électronique
• Airbags centraux
• Système d'appel d'urgence automatique “E-Call”
• Système de sécurité Toyota Safety Sense
- Système de sécurité précollision avec détection des véhicules, piétons et cyclistes, actif également dans les intersections
- Alerte de franchissement de ligne avec aide au maintien dans la file, assistant de trajectoire et détecteur de fatigue
- Régulateur de vitesse adaptatif intelligent allant jusqu'à l'arrêt
- Lecture des panneaux de signalisation avec limiteur de vitesse
- Gestion automatique des feux de route

CONFORT ET AGRÉMENT :

• Accoudoir central
• Allumage automatique des feux
• Banquette arrière rabattable 60/40
• Ciel de toit gris clair
• Climatisation automatique
• Détecteur de pluie
• Services connectés MyT
• Système audio Toyota Touch : écran tactile 7 pouces, radio digitale (DAB), système de téléphonie Bluetooth, connectique auxiliaire/USB et 4 haut-parleurs
• Système de connectivité smartphone Toyota Touch & App compatible avec Apple CarPlay et Android Auto
• Système de fixations Isofix aux places latérales arrière
• Système d'ouverture/fermeture et démarrage sans clé “Smart Entry & Start”
• Tableau de bord moussé
• Volant cuir

DESIGN

Principaux équipements en plus de France

LIGNE ET AÉRODYNAMIQUE :

• Feux antibrouillard
• Feux avant et arrière avec signature Full LED
• Jantes alliage 16 pouces Sophia
• Vitres et lunette arrière surteintées

CONFORT ET AGRÉMENT :

• Caméra de recul
• Ecran couleur TFT 4,2 pouces
• Vitres arrière électriques

ICONIC

Principaux équipements en plus de Design

LIGNE ET AÉRODYNAMIQUE :

• Contours de vitres chromés
• Inserts de calandre chromés
• Jantes alliage 17 pouces Sakura

SÉCURITÉ ET CONDUITE :

• Affichage tête haute 10 pouces
• Avertisseur d'angles morts

CONFORT ET AGRÉMENT :

• Climatisation automatique bizone
• Écran couleur tactile 8 pouces multifonction et 6 haut-parleurs
• Rétroviseur intérieur électrochromatique
• Rétroviseurs extérieurs dégivrants rabattables automatiquement
• Sellerie cuir
• Siège passager avant réglable en hauteur
• Sièges avant chauffants

COLLECTION

Principaux équipements en plus de Design

LIGNE ET AÉRODYNAMIQUE :

• Contours de vitres noir laqué
• Inserts de calandre noir chromé
• Jantes alliage 17 pouces Toeda
• Teinte de carrosserie bi-ton

SÉCURITÉ ET CONDUITE :

• Affichage tête haute 10 pouces
• Avertisseur d'angles morts

CONFORT ET AGRÉMENT :

• Ciel de toit noir
• Climatisation automatique bizone
• Écran couleur tactile 8 pouces multifonction et 6 haut-parleurs
• Rétroviseur intérieur électrochromatique
• Rétroviseurs extérieurs dégivrants rabattables automatiquement
• Sellerie mi-cuir
• Siège passager avant réglable en hauteur

PREMIÈRE

Principaux équipements en plus de Collection

LIGNE ET AÉRODYNAMIQUE :

• Teinte de carrosserie bi-ton exclusive : Rouge Fusion / Toit noir

CONFORT ET AGRÉMENT :

• Chargeur smartphone à induction
• Éclairage d'ambiance intérieur
• Sellerie mi-cuir avec surpiqûres rouges
• Système Audio JBL à 8 haut-parleurs
• Toit panoramique




July 31, 2020 at 05:00AM
https://ift.tt/2EFUnFr

reportage : La Toyota Yaris hybride fonctionne 80% du temps en mode tout électrique - La Tribune Auto

https://ift.tt/2VhFHBL
Toyota

เศรษฐกิจไทยไตรมาสสองติดลลบ12.5% - โพสต์ทูเดย์ ข่าวการเงิน-หุ้น - โพสต์ทูเดย์

kuyupkali.blogspot.com

เศรษฐกิจไทยไตรมาสสองติดลลบ12.5%

วันที่ 31 ก.ค. 2563 เวลา 17:37 น.

ธปท. บอกแล้ว เศรษฐกิจไทยไตรมาสสองติดลลบ12.5% คาดกลับเป็นปกติในปี 2565

นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในไตรมาส 2/2563 หดตัวสูง ในระดับ 2 หลักต้น ๆ จากผลของมาตรการปิดเมืองเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่เข้มงวดทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหลายภาคส่วนต้องหยุดดำเนินการชั่วคราว โดยอุปสงค์ต่างประเทศหดตัวสูง ทั้งภาคการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ และการส่งออกสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าที่อ่อนแอลงมาก ส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะเครื่องชี้การนบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน รวมทั้งการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่หดตัวสูง มีเพียงการใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวได้และมีบทบาทสำคัญในการช่วยพยุงเศรษฐกิจ

“เศรษฐกิจไทยน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ไตรมาส 2/2563 ซึ่งถือเป็นช่วงที่เศรษฐกิจหดตัวลึก และลึกที่สุดในประวัติศาสตร์ เทียบจากไตรมาส 2/2541 ที่จีดีพีติดลบ 12.5% ซึ่งในครั้งนี้ก็คาดว่ามีโอกาสที่จะติดลบมากกว่าระดับดังกล่าว จากมาตรการปิดเมืองทั้งในและต่างประเทศ ไม่ใช่แค่ในประเทศไทย โดยมาตรการดังกล่าวมีผลกระทบต่อเครื่องชี้เศรษฐกิจทุกตัว การส่งออก การนำเข้า การลงทุน การบริโภค มีเพียงภาครัฐที่ยังขยายตัวได้ โดยจากทิศทางที่ดีขึ้นทำให้มองไปข้างหน้าเศรษฐกิจไทยจะหดตัวน้อยลงเรื่อย ๆ ส่วนจะกลับมาเติบโตปกติก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 คงต้องรอไปถึงปี 2565 ดังนั้นการเห็นเศรษฐกิจเริ่มดีขึ้นน่าจะทำให้สบายใจขึ้นว่าเศรษฐกิจไทยจะไม่ลงต่อ แต่ระยะต่อไปก็ยังมีความท้าทายรออยู่ด้วย” นายดอน กล่าว

นายดอน กล่าวอีกว่า การทำประมาณการเศรษฐกิจรอบใหม่ของ ธปท. จากเดิมที่คาดว่าจะติดลบ 8.1% จะต้องรอตัวเลขอย่างเป็นทางการในไตรมาส 2/2563 จากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ ถ้าตัวเลขไตรมาส 2 ดีกว่าที่คาดไว้ ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มเห็นสัญญาณว่าเศรษฐกิจไม่ได้เลวร้ายกว่าที่คิด ก็จะส่งผลให้การปรับประมาณการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจไทยในปีนี้ติดลบน้อยลง แต่ทั้งหมดต้องรอเดือน ก.ย. จะเห็นภาพชัดเจนที่สุด เพราะเศรษฐกิจไตรมาส 3/2563 จะเป็นตัวตัดสินว่าเศรษฐกิจทั้งปีจะมีทิศทางเป็นอย่างไร ซึ่งตอนนี้ยังเห็นการระบาดรุนแรงในหลายประเทศ ทำให้ต้องจับตาดูว่าจะมีการใช้มาตรการล็อกดาวน์เข้มข้นหรือไม่ ถ้ามีการใช้มาตรการล็อกดาวน์แบบเข้มข้นอีกก็จะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจ

สำหรับประเทศไทย รัฐบาลก็ต้องมีการเตรียมความพร้อมในการรับมือ การ์ดอย่างเพิ่งตก เพราะหนทางในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจทั้งในส่วนการเยียวยาและฟื้นฟูยังอีกยาวไกล ดังนั้นเงินที่มีต้องใช้ให้ถูกจุดและทันการ ถ้าสถานการณ์เลวร้ายอาจจะต้องพร้อมที่จะต้องเพิ่มมาตรการ

นายดอน กล่าวว่า ค่าเงินบาทตั้งแต่ต้นปีเมื่อเทียบกับภูมิภาคก็มีทิศทางอ่อนค่า แม้ว่าค่าเงินจะแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องในเดือน มิ.ย. แต่ก็ปรับอ่อนค่าลงในเดือน ก.ค. ซึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยภายในประเทศ เช่น การพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในจังหวัดระยอง การเดินทางของกลุ่ม VIP รวมถึงความไม่แน่นอนด้านการเมือง และความไม่เชื่อมั่นในทีมเศรษฐกิจของรัฐบาล

ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในเดือน มิ.ย. 2563 ปรับดีขึ้นจากเดือนก่อน หมายถึงหดตัวน้อยลงจากระดับที่หดตัวสูง จากการทยอยผ่อนคลายมาตรการปิดเมืองทั้งในและต่างประเทศ ที่ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทยอยกลับมาดำเนินการได้มากขึ้น โดยมูลค่าการส่งออกสินหดตัว 24.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หดตัวสูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยอัตราหดตัวของมูลค่าสินค้าส่งออกยังอยู่ในระดับสูง สะท้อนรายได้ของประเทศคู่ค้าที่ยังอ่อนแอ โดยเฉพาะหมวดยานยนต์และชิ้นส่วน หมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ หมวดสินค้าที่มีมูลค่าเคลื่อนไหวตามราคาน้ำมันดิบ ส่วนมูลค่าการนำเข้าสินค้า หดตัว 18.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นการหดตัวน้อยลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าในทุกหมวดสินค้าสำคัญ ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค วัตถุดิบและสินค้าขั้นกลาง รวมถึงสินค้าทุน ส่วนหนึ่งเป็นผลจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมที่ปรับตัวดีขึ้น

ขณะที่การบริโภคภาคเอกชน ยังหดตัวเล็กน้อยจากเดือนก่อนหน้า โดยการใช้จ่ายปรับดีขึ้นในทุกหมวดเป็นผลมาจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดของโควิด-19 ทำให้ประชาชนออกมาใช้จ่ายมากขึ้น รวมถึงได้รับสนับสนุนต่อเนื่องจากมาตรการเยียวยาของภาครัฐ ส่วนการผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวน้อยลงในเกือบทุกหมวดสินค้า สอดคล้องกับการส่งออกและการบริโภคภาคเอกชนที่ปรับตัวดีขึ้น

ในส่วนการลงทุนภาคเอกชนหดตัวน้อยลงจากเดือนก่อน ตามการลงทุนในหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ปรับตัวดีขึ้น ทั้งยอดจำหน่ายเครื่องจักรในประเทศ ยอดจดทะเบียนรถยนต์และการนำเข้าสินค้าทุน อย่างไรก็ตามเครื่องชี้การนลงทุนภาคเอกชนยังหดตัวสูง สอดคล้องกับอุปสงค์ในและต่างประเทศที่อ่อนแอ กำลังการผลิตส่วนเกินที่ยังอยู่ในระดับสูง และความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่แม้ปรับดีขึ้นบ้างแต่ก็ยังอยู่ในระดับต่ำ

สำหรับการใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่รวมเงินโอนขยายตัวจากระยะเดียวกันของปีก่อน ทั้งจากรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน โดยรายจ่ายประจำขยายตัวเล็กน้อยตามการเบิกจ่ายเพื่อซื้อสินค้าและบริการ ส่วนรายจ่ายลงทุนขยายตัวตามกาเบิกจ่ายของรัฐบาลกลางเพื่อซ่อมบำรุงถนน ขณะที่การลงทุนของรัฐวิสาหกิจหดตัว ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้าไทย ยังคงหดตัวสูงต่อเนื่องที่ 100% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศของไทยที่ยังคงมีอยู่ ส่งผลให้ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3

ทั้งนี้ ในส่วนอัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังติดลบต่อเนื่อง แม้จะน้อยลงจากอัตราเงินเฟ้อในหมวดพลังงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานติดลบเล็กน้อย สอดคล้องกับอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแอ ส่วนดุลบัญชีเดินสะพัดใกล้สมดุล ขณะที่ดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายเกินดุลสุทธิทั้งด้านสินทรัพย์จากการขายสุทธิตราสารหนี้และการถอนเงินฝากในต่างประเทศของนักลงทุนไทย และด้านหนี้สินจากการกลับเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในตลาดตราสารหนี้ ขณะที่ตลาดแรงงานยังคงเปราะบาง ส่วนหนึ่งสะท้อนจากจำนวนผู้ขอรับสิทธิ์ว่างงานในระบบประกันสังคมที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ยังเห็นตลาดแรงงานที่มีผู้ว่างงานเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ยังไม่น่าไว้วางใจ

Let's block ads! (Why?)



"เศรษฐกิจ" - Google News
July 31, 2020 at 05:56PM
https://ift.tt/33pDnxx

เศรษฐกิจไทยไตรมาสสองติดลลบ12.5% - โพสต์ทูเดย์ ข่าวการเงิน-หุ้น - โพสต์ทูเดย์
"เศรษฐกิจ" - Google News
https://ift.tt/3crAsVL

財政規律目標、25年度達成困難に 前回試算から2年遅れ - 日本経済新聞

内閣府は31日の経済財政諮問会議で、国と地方の基礎的財政収支(PB)の黒字化が2029年度になるとの試算を示した。新型コロナウイルスの感染拡大による景気悪化や財政支出により、1月の前回試算から2年遅れる。政府が目標に掲げる25年度の黒字化は極めて難しい情勢だ。

内閣府は毎年1月と夏にまとめる「中長期の経済財政に関する試算」を公表した。29年度のPBの黒字化は政策が想定通りに効果を出して潜在成長率が高まる「成長実現ケース」として示した。潜在成長率をほぼ横ばいにした「ベースラインケース」では29年度もPBは国内総生産(GDP)比で1.7%(約10兆円)の赤字となる。

PBの赤字は米リーマン危機後からの景気回復局面でほぼ毎年縮小が続いてきたが、19年度はGDP比で2.6%、20年度は12.8%に急拡大する見通しになった。コロナ対応の20年度補正予算で財政支出が計120兆円を超える規模に膨らんだことに加え、企業業績の悪化で税収が減るためだ。黒字化の目標としていた25年度は1.1%(約7兆円)の赤字だ。

試算の前提は楽観的との指摘が多い。成長実現ケースは名目経済成長率が21年度から3~4%で推移する前提を置く。実質成長率も21~22年度に3%台半ば、その後は2%程度で安定する予想だ。23年度ごろには名目GDPが600兆円に達し、24年度からは消費者物価上昇率が日銀の目標である2%で安定する。

90年代のバブル崩壊以降、年度単位でみた日本の名目成長率が3%を超えたことは一度もない。物価の見通しも毎年のように下方修正している。名目経済成長率は税収を試算する前提となっており、財政改善のシナリオにも疑問符がつく。

日本の財政悪化は先進国の中でも際立つ。経済協力開発機構(OECD)が6月にまとめた試算では19年度に1.6%だった加盟国全体のPBの赤字のGDP比は20年度に9.4%まで拡大する。日本は11.4%で11.9%の米国に次ぐ規模だ。もともとPBが黒字で推移してきたドイツやイタリア、韓国などはマイナス幅が比較的小さい。

懸念されるのは国債の格下げだ。格付け会社のフィッチ・レーティングスは28日、日本国債の格付け見通しを「安定的」から「弱含み」に引き下げた。S&Pグローバル・レーティングも6月に見通しを「ポジティブ」から「安定的」に引き下げている。感染の再拡大などで景気悪化や財政支出の拡大が続いて格下げになれば、金融機関や企業の資金調達コストの上昇につながりかねない。

BNPパリバ証券の河野龍太郎チーフエコノミストは、新型コロナで企業の倒産や失業を防ぐための政府・日銀の資金繰り支援策は不可欠だったとしながらも、結果として成長産業に労働者が集まりにくい環境を生み出す副作用もあると指摘。次の危機に備えて企業が支出を抑える動きも加われば「低成長・低インフレ・低金利・公的債務の膨張という傾向がさらに強まる」と予測する。政府には信認維持にむけた丁寧な説明が求められる。

Let's block ads! (Why?)



"財政" - Google ニュース
July 31, 2020 at 04:47PM
https://ift.tt/2DpJAP2

財政規律目標、25年度達成困難に 前回試算から2年遅れ - 日本経済新聞
"財政" - Google ニュース
https://ift.tt/2Q3jzHP
Shoes Man Tutorial
Pos News Update
Meme Update
Korean Entertainment News
Japan News Update

中長期財政状況厳しいが、経済再生なくして財政健全化なし=安倍首相 - ロイター (Reuters Japan)

[東京 31日 ロイター] - 安倍晋三首相は31日の経済財政諮問会議で、政府の中長期財政試算に関連し、「財政状況は厳しいものではあるが、引き続き経済再生なくして財政健全化なしとの基本方針のもとで、経済財政一体改革の着実な推進に努めていく」と述べた。

首相は「新型コロナウイルス感染症拡大により経済活動や国民生活への影響が広範に及ぶなかで政府として感染拡大防止を徹底しながら、雇用の維持と事業の継続、国民生活の下支えに力を尽くすとともに、経済の活性化を推進していく」と語った。さらに「わが国が目指す将来の姿として誰もが実感できる質の高い成長と持続可能な財政の姿を実現していく」と強調した。

Let's block ads! (Why?)



"財政" - Google ニュース
July 31, 2020 at 04:08PM
https://ift.tt/313yffv

中長期財政状況厳しいが、経済再生なくして財政健全化なし=安倍首相 - ロイター (Reuters Japan)
"財政" - Google ニュース
https://ift.tt/2Q3jzHP
Shoes Man Tutorial
Pos News Update
Meme Update
Korean Entertainment News
Japan News Update

首相、中長期の経済財政状況「厳しい、一体改革を着実に」 - 日本経済新聞

安倍晋三首相は31日、経済財政諮問会議のあいさつで、名目GDP600兆円の達成時期が2023年ごろになるなどの内閣府試算について「中長期の経済財政状況は厳しい」との認識を示した。また「経済再生なくして財政健全化なしの基本方針のもとで、経済財政一体改革の着実な推進に努めていきたい」と、新型コロナウイルス感染症の拡大防止を徹底しながら経済の活性化を推進する考えを示した。

〔日経QUICKニュース(NQN)〕

Let's block ads! (Why?)



"財政" - Google ニュース
July 31, 2020 at 03:52PM
https://ift.tt/3ggGafH

首相、中長期の経済財政状況「厳しい、一体改革を着実に」 - 日本経済新聞
"財政" - Google ニュース
https://ift.tt/2Q3jzHP
Shoes Man Tutorial
Pos News Update
Meme Update
Korean Entertainment News
Japan News Update

경제 살리자고 퇴직연금까지 깨는 남미 : 국제일반 : 국제 : 뉴스 - 한겨레

kuyupkali.blogspot.com
칠레, 일부 조기인출 허용 첫날 300만명 몰려
페루는 이미 시행…콜롬비아도 관련 법안 발의
“연금 재정 위협, 노후 보장 기능 약화” 비판도
칠레에서 퇴직연금의 10%까지 인출이 허용된 첫날인 30일(현지시각) 수도 산티아고에서 많은 사람이 인출 신청을 위해 관리 회사 앞에서 줄을 서 있다. 산티아고/EPA 연합뉴스
칠레에서 퇴직연금의 10%까지 인출이 허용된 첫날인 30일(현지시각) 수도 산티아고에서 많은 사람이 인출 신청을 위해 관리 회사 앞에서 줄을 서 있다. 산티아고/EPA 연합뉴스
코로나19 충격으로 휘청이고 있는 남미 국가들이 경제를 살리기 위해 노후 대비용 퇴직연금을 깨는 지경까지 이르렀다. 칠레에서 퇴직연금의 10%까지 인출이 허용된 첫날인 30일(현지시각) 300만명에 달하는 시민들이 퇴직연금 인출에 나섰다고 <로이터> 통신이 보도했다. 지난주 야당 주도로 의회가 경제 살리기를 명분으로 연금의 10%까지 미리 찾아 쓸 수 있게 하는 법안을 통과시킨 데 따른 것이다. 통신은 이날 날이 밝자마자 수많은 사람이 직접 돈을 인출하기 위해 몰려나와, 수도 산티아고의 퇴직연금 관리 회사 건물 주변에 긴 대기줄이 만들어졌다고 전했다. 페르난도 라랭 퇴직연금관리기업협회 회장은 “오전 몇 시간 만에 110만명의 회원이 퇴직연금 인출 신청을 마무리했다”며 “회원들이 돈을 받기까지는 신청일로부터 열흘 정도 걸릴 것”이라고 말했다. 가입자 전체가 적립금의 10%를 돌려받는다면, 중도인출 총액은 200억달러(약 23조8천억원)에 이를 것이라고 스페인계 <에페>(EFE) 통신은 추산했다. 코로나19로 경제 사정이 악화되면서 칠레 의회는 지난주 야당 주도로 연금의 10%까지 미리 찾아 쓸 수 있게 하는 법안을 통과시킨 바 있다. 세바스티안 피녜라 대통령은 연금 재정 악화 등을 내세워, 퇴직연금 대신 공적 자금으로 지원책을 마련하자고 촉구했지만, 집권 연정에 참여한 정당 소속 일부 의원들도 법안 통과에 동조했다. 퇴직연금을 깨 경제를 살리려는 조처는 지난 4월 페루에서 먼저 시행됐으며, 콜롬비아에서도 이날 퇴직연금의 10%까지 인출할 수 있게 하는 법안이 의회에 제출됐다. 이 법안은 퇴직연금 인출 자격을 실업자나 자영업자에게 한정하는 내용이라고 <로이터> 통신이 전했다. 칠레와 페루, 콜롬비아는 브라질과 함께 코로나19 확진자가 많은 세계 상위 20개국에 든다. 일부 경제학자들은 연금 일부 인출로 소비 상황이 개선될 것으로 내다봤지만, 퇴직연금을 건드리는 걸 비판하는 목소리도 적지 않다. 향후 퇴직연금 지급액이 줄면서 노후 보장 효과를 제대로 발휘하지 못할 것이라는 비판이 나온다. 게다가 퇴직연금의 조기 인출 허용은 금융 시장에도 악영향을 끼칠 수 있다는 지적이 나온다. 남미 많은 국가에서 퇴직연금이 정부 발행 채권과 주식을 사들이는 주요 투자기관이기 때문이다. 신기섭 선임기자 marishin@hani.co.kr

Let's block ads! (Why?)




July 31, 2020 at 02:50PM
https://ift.tt/3k0n1B1

경제 살리자고 퇴직연금까지 깨는 남미 : 국제일반 : 국제 : 뉴스 - 한겨레

https://ift.tt/2ArL0ar

เศรษฐกิจไทยเดือนมิ.ย.ปรับตัวดีขึ้น จากผ่อนคลายล็อกดาวน์ - Businesstoday

kuyupkali.blogspot.com

ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยในเดือนมิถุนายน 2563 ปรับดีขึ้นจากเดือนก่อน จากการทยอยผ่อนคลายมาตรการปิดเมืองทั้งในและต่างประเทศที่ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจทยอยกลับมาดำเนินการได้มากขึ้น

มูลค่าการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมทองคำ เครื่องชี้การบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชน และการผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวน้อยลง ขณะที่การใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน

แต่ภาคการท่องเที่ยวหดตัวสูงต่อเนื่อง จากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศที่ยังคงมีอยู่

- Advertisement -

ดัชนีชี้วัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจ

มูลค่าการส่งออกสินค้าหดตัวร้อยละ 24.6 จากระยะเดียวกันปีก่อน หดตัวสูงขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า แต่หากไม่รวมการส่งออกทองคำ มูลค่าการส่งออกหดตัวลดลงที่ร้อยละ 18.4 น้อยลงมากเมื่อเทียบกับร้อยละ 29.0 ในเดือนก่อน ตามการส่งออกที่ปรับดีขึ้นในเกือบทุกหมวดสินค้า สอดคล้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ปรับดีขึ้นตามการทยอยเปิดเมืองของประเทศคู่ค้า อย่างไรก็ดี อัตราการหดตัวของมูลค่าการส่งออกสินค้ายังอยู่ในระดับสูง สะท้อนรายได้ของประเทศคู่ค้าที่ยังคงอ่อนแอ โดยเฉพาะหมวดยานยนต์และชิ้นส่วน หมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ หมวดสินค้าที่มูลค่าเคลื่อนไหวตามราคาน้ำมันดิบ

เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนหดตัวน้อยลงจากเดือนก่อน โดยการใช้จ่ายปรับดีขึ้นในทุกหมวดเป็นผลจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดของโรค COVID-19 ทำให้ประชาชนออกมาใช้จ่ายมากขึ้น ประกอบกับได้รับแรงสนับสนุนต่อเนื่องจากมาตรการเยียวยาของภาครัฐ อย่างไรก็ดี เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนยังคงหดตัวสูง สอดคล้องกับปัจจัยด้านรายได้และความเชื่อมั่นที่ยังคงอ่อนแอ ทั้งนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรมหดตัวน้อยลงในเกือบทุกหมวดสินค้าสอดคล้องกับการส่งออกและการบริโภคภาคเอกชนที่ปรับดีขึ้น

เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนหดตัวน้อยลงจากเดือนก่อน ตามการลงทุนหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ปรับดีขึ้น ทั้งยอดจำหน่ายเครื่องจักรในประเทศ ยอดจดทะเบียนรถยนต์ และการนำเข้าสินค้าทุน ขณะที่การลงทุนหมวดก่อสร้างหดตัวสูงขึ้นตามยอดจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง อย่างไรก็ตาม เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนยังคงหดตัวสูง สอดคล้องกับอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศที่อ่อนแอ กำลังการผลิตส่วนเกินที่ยังอยู่ในระดับสูง และความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่แม้ปรับดีขึ้นบ้างแต่ยังอยู่ในระดับต่ำ

มูลค่าการนำเข้าสินค้าหดตัวร้อยละ 18.2 จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยเป็นการหดตัวน้อยลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนในทุกหมวดสินค้าสำคัญ ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภค วัตถุดิบและสินค้าขั้นกลาง และสินค้าทุน ส่วนหนี่งเป็นผลของฐานที่ต่ำในระยะเดียวกันของปีก่อน และอีกส่วนหนึ่งเป็นผลจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยรวมที่ปรับตัวดีขึ้น

การใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่รวมเงินโอนขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน จากทั้งรายจ่ายประจำและรายจ่ายลงทุน โดยรายประจำขยายตัวเล็กน้อยตามการเบิกจ่ายเพื่อซื้อสินค้าและบริการ ส่วนรายจ่ายลงทุนขยายตัวสูงตามการเบิกจ่ายของรัฐบาลกลางเพื่อซ่อมบำรุงถนนเป็นสำคัญ ขณะที่การลงทุนของรัฐวิสาหกิจหดตัว

จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศหดตัวสูงต่อเนื่องที่ร้อยละ 100 จากระยะเดียวกันปีก่อน จากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศของไทยที่ยังคงมีอยู่ ส่งผลให้ไม่มีนักท่องเที่ยวต่างประเทศเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 3

ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจยังคงเปราะบาง โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปยังติดลบต่อเนื่อง แม้จะติดลบน้อยลงจากอัตราเงินเฟ้อในหมวดพลังงานที่ปรับเพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานติดลบเล็กน้อย สอดคล้องกับอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแอ สำหรับตลาดแรงงานยังคงเปราะบาง ส่วนหนึ่งสะท้อนจากจำนวนผู้ขอรับสิทธิ์ว่างงานในระบบประกันสังคมที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สำหรับดุลบัญชีเดินสะพัดใกล้สมดุล ส่วนดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายเกินดุลสุทธิจากทั้งด้านสินทรัพย์จากการขายสุทธิตราสารหนี้และการถอนเงินฝากในต่างประเทศของนักลงทุนไทย และด้านหนี้สินจากการกลับเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในตลาดตราสารหนี้

เศรษฐกิจไทยในไตรมาสที่ 2 ปี 2563 หดตัวสูง จากผลของมาตรการปิดเมืองเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ที่เข้มงวดทั้งในและต่างประเทศ ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหลายภาคส่วนต้องหยุดดำเนินการชั่วคราว โดยอุปสงค์ต่างประเทศหดตัวสูง ทั้งภาคการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการจำกัดการเดินทางระหว่างประเทศ และภาคการส่งออกสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าที่อ่อนแอลงมาก ส่งผลกระทบต่อเนื่องมายังกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศ โดยเฉพาะเครื่องชี้การบริโภคและการลงทุนของภาคเอกชน รวมทั้งการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่หดตัวสูง

แต่การใช้จ่ายภาครัฐขยายตัวได้และมีบทบาทสำคัญในการช่วยพยุงเศรษฐกิจ

ด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปติดลบตามอัตราเงินเฟ้อหมวดพลังงานเป็นสำคัญ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเป็นบวกเล็กน้อย

ด้านดุลบัญชีเดินสะพัดขาดดุลเล็กน้อยจากที่เกินดุลสูงในไตรมาสก่อน จากรายรับภาคการท่องเที่ยวที่ลดลงมาก ประกอบกับเป็นฤดูกาลส่งกลับกำไรและเงินปันผลกลับต่างประเทศของบริษัทต่างชาติในไทย ส่วนดุลบัญชีเงินทุนเคลื่อนย้ายเกินดุลสุทธิทั้งด้านสินทรัพย์และด้านหนี้สิน

อ่านเพิ่มเติม รายงานเศรษฐกิจและการเงินเดือนมิถุนายน 2563

Let's block ads! (Why?)



"เศรษฐกิจ" - Google News
July 31, 2020 at 08:18AM
https://ift.tt/3ffcoqG

เศรษฐกิจไทยเดือนมิ.ย.ปรับตัวดีขึ้น จากผ่อนคลายล็อกดาวน์ - Businesstoday
"เศรษฐกิจ" - Google News
https://ift.tt/3crAsVL

【法國經濟】法國第二季GDP倒退19% 二戰後最差- 香港經濟日報- 即時新聞頻道- 即市財經 - 香港經濟日報 - 即時新聞

kuyupkali.blogspot.com
即市財經 16:13 2020/07/31

法國第二季國內生產總值(GDP)按年倒退19%,按季倒退13.8%。

疫情重擊全球第二季經濟,法國第二季國內生產總值(GDP)按年倒退19%,按季倒退13.8%,創二戰後有紀錄以來最大跌幅,但跌幅少於市場預期。受疫情下實施社交距離限制等措施影響,期內家庭消費、企業投資和國際貿易均大幅下滑。

法國首季GDP則修訂為倒退5.9%。

相關文章:【香港經濟】瑞銀調低香港今年GDP至負8% 料政府擴大抗疫基金及保就業資金

相關文章:【香港經濟】港次季GDP遜預期 星展香港:政府大機會推新刺激措施

相關文章:【美國經濟】特朗普暗示新一輪派錢金額高於1200美元

緊貼財經時事新聞分析,讚好hket Facebook 專版

Let's block ads! (Why?)




July 31, 2020 at 03:13PM
https://ift.tt/2BKTYQR

【法國經濟】法國第二季GDP倒退19% 二戰後最差- 香港經濟日報- 即時新聞頻道- 即市財經 - 香港經濟日報 - 即時新聞

https://ift.tt/3ddfeez

経済紛争で課新設発表 外務省 - 日本経済新聞

茂木敏充外相は31日の閣議後の記者会見で、8月3日付で外務省国際法局に経済紛争処理課を新設すると発表した。世界貿易機関(WTO)協定や経済連携協定などに基づく紛争解決に対処する体制を強化する。経済局国際貿易課の国際経済紛争処理室を改編する。

茂木氏は「国際法に関する経済紛争の処理に精通した人材を集約して対応したい」と述べた。「経済分野の紛争解決の処理を戦略的かつ効果的に行うための体制強化が必要だ」とも語った。

外務省は8月3日付で安全保障に関する組織改編も実施する。経済局経済安全保障課を廃止し、同局政策課に資源安全保障室を設ける。エネルギーや鉱物資源、食料の安定供給に関する業務を専門的に担う。新型コロナウイルスの供給網への影響なども踏まえた。

総合外交政策局安全保障政策課の新安全保障課題政策室は経済安全保障政策室に改称する。経済安全保障に取り組む姿勢を前面に出し、技術流出の防止やサイバー分野などの安全保障政策に力を注ぐ。

Let's block ads! (Why?)



"経済" - Google ニュース
July 31, 2020 at 11:29AM
https://ift.tt/2Xb12NW

経済紛争で課新設発表 外務省 - 日本経済新聞
"経済" - Google ニュース
https://ift.tt/2peK9o1
Shoes Man Tutorial
Pos News Update
Meme Update
Korean Entertainment News
Japan News Update

中 매체 "美, 전례없는 혼돈...중국 비난만 해선 경제회복 불가능" - 조선비즈

kuyupkali.blogspot.com
입력 2020.07.31 10:35

"미국이 전례 없는 혼돈에 빠졌다" 평가

"중국과 손을 잡고 코로나와 싸우자" 제안도

시진핑 "누구도 중화민족 부흥을 막을 수 없다" 주장

중국 관영 영문매체 글로벌타임스가 미국이 자국의 코로나 바이러스 감염증(코로나19)을 통제하지 않고 중국만 비난해서는 경제 회복을 이룰 수 없다고 비난했다.

지난해 6월 일본 오사카에서 열린 주요 20개국(G20) 정상회의 당시 회동한 트럼프 대통령과 시 주석. /연합뉴스
미국의 올해 2분기(4~6월) 경제성장률이 세계 2차 대전시기 이래 가장 낮은 수치를 기록했다. 분기 성장률을 집계한 1947년 이후 최악 수준이다.

미 상무부는 30일(현지시각) 2분기 국내총생산(GDP)의 계절 조정 실질 성장률이 연율(분기 추세가 1년간 이어진다고 전제한 수치)로 -32.9%를 기록했다고 밝혔다. 지난 2007~2009년 금융위기 때 기록한 감소율보다 4배 이상 나쁜 수준이다.

글로벌타임스는 이와 관련해 31일 사설에서 "두 자리수 경기 침체를 보여준 미국은 전례 없는 혼돈에 빠졌다"면서 "가장 강력한 패권국가인 미국이 (코로나로) 가장 심각하게 타격을 입은 나라가 될 것이라고 예견한 이들은 많지 않았을 것"이라고 했다.

이어 ‘극단적이지만 현실이 될 수 있는 추론’이라고 선을 그으면서, 앞으로 1~2년 내 코로나는 사라지지 않을 것이고, 미국은 여전히 가장 심각한 피해를 입은 국가가 될 것으로 전망했다. 그리고 코로나로 고군분투하는 동안 진정한 경제 회복은 힘들 것이라고 봤다.

또‘진실 추구’를 거부하는 것이 미국의 문제라고 주장하면서 미국이 코로나 대응에 실패한 것을 중국 책임으로 돌리는 것과 팬데믹(감염병 대유행) 통제 없이 경제 재개가 성공한다고 믿은 것을 예로 들었다.

글로벌타임스는 "트럼프 정부가 잘못된 길로 가는 것은 명확하다"면서 미국을 향해 "중국과 손을 잡고 코로나와의 세계적 싸움을 함께 하자"고 제안하기도 했다.

한편 시진핑 중국 국가주석은 28일 베이징 중난하이에서 당외(黨外) 인사들(중국 공산당 당원이 아닌 사람들)과 만나 "어떤 국가, 어떤 사람도 중화민족이 위대한 부흥을 실현하려는 역사적 발걸음을 막을 수 없다"고 말했다.

최악으로 치닫고 있는 미·중 갈등을 겨냥한 발언으로 해석됐다. 미국 등 서방 국가들의 홍콩 제재와 화웨이(중국 통신 기업) 보이콧, 미국의 휴스턴 중국 총영사관 폐쇄, "중국 공산당의 행동을 변화시켜야 한다"는 마이크 폼페이오 미 국무장관의 연설 등 대중(對中) 압박이 전방위로 밀려드는 가운데 나온 시 주석의 첫 반응이다.

Let's block ads! (Why?)




July 31, 2020 at 08:35AM
https://ift.tt/39EYbC8

中 매체 "美, 전례없는 혼돈...중국 비난만 해선 경제회복 불가능" - 조선비즈

https://ift.tt/2ArL0ar

ギリシャ財政危機の波及懸念 - 福井新聞

日銀、10年の会合議事録

2020年7月31日 午後4時24分

 日銀が31日公表した2010年1〜6月の金融政策決定会合の議事録で、ギリシャの財政危機を巡る議論が活発に交わされた実態が明らかになった。「ギリシャ以上に深刻な財政赤字を抱えるわが国の長期金利にいつ飛び火してもおかしくない」(1月26日、須田美矢子審議委員)などと日本への波及を懸念する声が相次いだ。

 白川方明総裁は5月21日の会合で「あまり長期金利が上がらないので、おおかみ少年になるからと、日本の財政状況が悪いと言うことがはばかられる雰囲気が最近まであった」と述べ、財政危機のリスクを意識した議論の必要性を指摘した。

関連記事

Let's block ads! (Why?)



"財政" - Google ニュース
July 31, 2020 at 02:24PM
https://ift.tt/33dB8NG

ギリシャ財政危機の波及懸念 - 福井新聞
"財政" - Google ニュース
https://ift.tt/2Q3jzHP
Shoes Man Tutorial
Pos News Update
Meme Update
Korean Entertainment News
Japan News Update