Pages

Thursday, June 11, 2020

เศรษฐกิจยุคโควิด เมื่อมองผ่านตลาดหุ้น - ประชาชาติธุรกิจ

kuyupkali.blogspot.com
FILE PHOTO: Workers celebrate the during closing bell, as they prepare for the return to trading, on the floor at the New York Stock Exchange (NYSE) in New York, U.S., May 22, 2020. REUTERS/Brendan McDermid/File Photo
คอลัมน์ ชีพจรเศรษฐกิจโลก
โดย ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์

ในยามนี้ มีคำถาม-คำตอบ ชุดหนึ่งซึ่งน่าสนใจมาก เป็นประเด็นที่เกิดขึ้นในหลาย ๆ ประเทศ หลายภูมิภาคของโลก นั่นคือคำถาม-คำตอบที่ว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 สร้างความเสียหายใหญ่หลวงให้กับเศรษฐกิจของแต่ละประเทศที่เกิดการระบาด แต่ทำไมดัชนีหุ้นในหลายประเทศกลับพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง ?

นักลงทุนในหุ้น ไม่สนใจพื้นฐานทางเศรษฐกิจกันแล้วหรืออย่างไร

ปรากฏการณ์นี้เกิดในหลายประเทศ มากบ้างน้อยบ้างแตกต่างกันไป แต่ที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา

คนอเมริกันติดเชื้อโควิด-19 ทะลุ 2 ล้านคนไปหมาด ๆ ในขณะที่ยอดรวมผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มากเกินกว่า 1 แสนคนไปแล้ว หุ้นก็ยังขึ้น

เศรษฐกิจอเมริกันในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ ติดลบมหาศาลถึงเกือบ 5% คนตกงานมากกว่า 40 ล้านคน กิจการหลายอย่าง ตั้งแต่ธุรกิจรายย่อย เรื่อยไปจนถึงห้างค้าปลีก ห้องเสื้อดัง ดิ้นรนกระเสือกกระสน หุ้นก็ยังขึ้นอยู่ดี

เกิดการจลาจลอันเนื่องมาจากทัศนคติเหยียดผิว รังเกียจชาติพันธุ์ขึ้นในเมืองน้อยใหญ่หลายสิบเมืองทั่วสหรัฐอเมริกา ตลอดทั้งสัปดาห์ หลังจากจอร์จ ฟลอยด์ อเมริกันผิวดำเสียชีวิตระหว่างการจับกุมของตำรวจทั้ง ๆ ที่ไม่มีอาวุธ ตลาดหุ้นก็ยังพุ่งแรง

ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ?

ถ้าจะตอบว่า เป็นเพราะตลาดหุ้น “ไม่ใช่” เศรษฐกิจที่แท้จริง ก็ยากที่จะมองเห็นเหตุผลในคำตอบนั้นได้ เพราะนั่นเท่ากับบอกว่า หัวของเรา หรือแขนขาของเรา ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของตัวเรา ทั้ง ๆ ที่มันเชื่อมโยงถึงกันอย่างชัดเจนและเป็นส่วนหนึ่งของตัวเราอย่างแท้จริง

ตลาดหุ้นเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจ และเป็นภาพสะท้อนของเศรษฐกิจแน่ ๆ แต่ทำไมถึงได้แยกห่างออกจากกันจนเห็นได้ชัดขนาดนั้น

มีมุมมองที่น่าสนใจ สำหรับใช้เป็นคำตอบของคำถามเหล่านี้ในกรณีของสหรัฐอเมริกา ที่ดาวโจนส์พุ่งขึ้นไปแล้วมากกว่า 7% นับตั้งแต่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา ในขณะที่เอสแอนด์พี 500 ก็สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ ขึ้นต่อเนื่องกัน 50 วัน อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ดิเร็ค ทอมป์สัน แสดงทรรศนะเรื่องนี้ไว้ในดิ แอตแลนติกว่า เหตุที่เกิดปรากฏการณ์ประหลาดแบบนี้ขึ้นมา เป็นเพราะ 3 ปัจจัยด้วยกัน

แรกสุดก็คือ วิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ต่างจากครั้งที่ผ่าน ๆ มา ซึ่งเกิดจากอาการ “เน่าใน” ในภาคธุรกิจหรืออุตสาหกรรม เกิดการพังทลายจากภายในก่อนกลายเป็นวิกฤต แต่คราวนี้ไม่ใช่

วิกฤตที่เกิดจากโควิดเป็นเพียงการก่อให้เกิดเงื่อนไขบางประการที่ทำให้ธุรกิจหรืออุตสาหกรรมต้อง “ดับเครื่อง” กะทันหัน ทั้ง ๆ ที่เครื่องยนต์เศรษฐกิจยังมีสุขภาพดี ไม่มีความเสียหาย ไม่เกิดพังทลายจากภายในเป็นส่วนใหญ่

นี่คือเหตุผลที่ว่า ทำไมตลาดหุ้นถึงพุ่งแรงในทันทีที่มีข่าวการทดลองวัคซีน หรือการค้นพบแนวทางที่อาจเยียวยาโควิดได้ หุ้นทุกตัวของทุกบริษัท แทบจะกลายเป็นหุ้นวัคซีนไปโดยปริยาย เพราะสามารถสตาร์ตเครื่องใหม่ได้ทันทีที่วัคซีนขจัดเงื่้อนไขที่ทำให้ต้องดับเครื่องไป

ปัจจัยที่สองก็คือ การดำเนินความพยายามจากภาครัฐ “ในระดับที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน” ในหลายประเทศ เพื่อพยุง ลาก ดึงเศรษฐกิจให้ไปข้างหน้าผ่านพ้นช่วงเวลายากลำบากไปให้จงได้ หลายต่อหลายประเทศใช้วิธีการเดียวกัน นั่นคืออัดฉีดเงินเข้ากระเป๋าประชาชนโดยตรง เป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของชุดมาตรการต่อต้านโควิด-19 ทั้งหลายแหล่

ในหลายประเทศ รวมทั้งในไทย เงินให้เปล่าที่ว่านี้ช่วยไม่ให้แรงงาน พนักงานทั้งหลายต้องใช้เงินก้อนสุดท้ายไปซื้อเชือกผูกคอ แต่ในบางประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา เงินแจกที่ว่านี้ทำให้คนตกงานในยุคโควิด มีเงินในกระเป๋ามากกว่าเมื่อครั้งทำงานอยู่ด้วยซ้ำไป เพราะได้รับทั้งเงินที่เป็นผลประโยชน์จากการตกงานและยังได้รับเงินช่วยพิเศษจากรัฐ

ในขณะที่ “เฟด” หรือ ธนาคารกลางของสหรัฐ ก็ทำเหมือนกับแบงก์ชาติของทุกประเทศ นั่นคือทำทุกอย่างไม่ให้กิจการน้อยใหญ่ทั้งหลายต้องล้มหายตายจากไป

สุดท้าย ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ ทุกคนอยู่แต่กับบ้าน ร้านรวงทั้งหลายต้องปิดกิจการ ค้าปลีกสลบซบเซา หรือไม่ก็ต้องปิดตัว

แต่ในเวลาเดียวกันนั้น การค้าออนไลน์พุ่งกระฉูด ระบบโลจิสติกส์ทำงานหนักอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน กิจการดิจิทัลอย่างซูม หรือสไกป์ ขยายไม่รู้กี่เท่าตัว เศรษฐกิจดิจิทัลเผยโฉมออกมาอย่างกะทันหัน

นี่เป็นเหตุให้หุ้นของบริษัทเทคโนโลยีอย่างไมโครซอฟท์, แอปเปิล, อเมซอน, กูเกิล, เฟซบุ๊ก, ซิสโกซิสเต็ม และอโดบี ฉุดตลาดหุ้นทั้งตลาดขึ้นสู่แดนบวกได้สบาย ๆ และต่อเนื่อง

ปัญหาก็คือ งานเลี้ยงต้องมีวันเลิกรา เงินช่วยเหลือมีขอบเขตจำกัด ระยะเวลาจำกัด ถัดไปปีหน้า หรือปลายปีนี้ 3 ปัจจัยนี้จะคงอยู่หรือไม่ ไม่มีคำตอบ

คำตอบขึ้นอยู่กับฝีมือบริหารจัดการเศรษฐกิจของรัฐแล้วละว่าจะมีประสิทธิภาพและมองการณ์ไกลอย่างไร ขนาดไหนเท่านั้น

Let's block ads! (Why?)



"เศรษฐกิจ" - Google News
June 12, 2020 at 12:59PM
https://ift.tt/2BU49C9

เศรษฐกิจยุคโควิด เมื่อมองผ่านตลาดหุ้น - ประชาชาติธุรกิจ
"เศรษฐกิจ" - Google News
https://ift.tt/3crAsVL

No comments:

Post a Comment