นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า หลังจากนี้ประเทศไทยต้องเร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ เน้นพึ่งพาในประเทศมากขึ้น ทดแทนการพึ่งพาเศรษฐกิจจากต่างประเทศ เพราะกว่าเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปี และไม่รู้ว่าโควิด-19 จะจบอย่างไร
ทำให้นโยบายเศรษฐกิจข้างหน้าต้องเน้นการพัฒนาทักษะใหม่ และให้ความรู้แรงงานในเมืองที่กลับไปสู่ภูมิลำเนาในต่างจังหวัดมากขึ้นด้วยการสร้างงานขึ้นมารองรับ อย่างน้อย 1-2 ปีให้สอดคล้องกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และให้เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาค
“ครั้งนี้เป็นครั้งแรกตั้งแต่วิกฤติต้มยำกุ้งปี 40 ที่มีคนเป็นล้านคน ย้ายจากเมืองใหญ่กลับไปอยู่ต่างจังหวัด แต่ทำอย่างไรที่มาตรการไปเยียวยาให้แรงงานกลุ่มนั้นสามารถพอมีรายได้อยู่รอดได้ในช่วงนี้ที่อยู่ต่างจังหวัด และกลายเป็นอาชีพให้ทำได้อย่างต่อเนื่อง และจะเป็นกำลังสำคัญในเศรษฐกิจภูมิภาค เศรษฐกิจต่างจังหวัดได้”
นอกจากนี้ยังเห็นหลายองค์กรเริ่มคิดแนวทางรองรับการจ้างงานบ้างแล้ว เช่น มีโครงการที่ไปช่วยดูแลกลุ่มบัณฑิตจบใหม่ที่อาจจะหางานได้ยากมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่จบการศึกษาปีนี้ หรือปีหน้า มีโครงการที่จะเริ่มทำงานในโครงการต่างๆ อาจจะเป็นกระจายตามชุมชน หรือภูมิภาคต่างๆ และพัฒนาทักษะความรู้ด้านดิจิทัล โครงการดูแลคนสูงอายุในแต่ละหมู่บ้าน ซึ่งต้องดูว่าทักษะอะไรเป็นที่ต้องการสำหรับอนาคต และทำให้เกิดการจ้างงานในวงกว้างด้วย
ขณะเดียวกันคนไทยต้องเพิ่มทักษะในระยะยาว เช่น ไทยมีพนักงานร้านนวดจำนวนมาก ซึ่งตอนนี้ไม่มีงานทำ เพราะไม่มีต่างชาติไม่มีนักท่องเที่ยว ซึ่งจะทำอย่างไรให้คนกลุ่มนี้มีทักษะในเรื่องการดูแลผู้สูงอายุ เนื่องจากในปัจจุบันต้องการคนที่จะมาช่วยดูแลผู้สูงอายุอีกมาก และรายได้คนดูแลผู้สูงอายุค่อนข้างสูงด้วย จะมีหลักสูตรอะไรที่จะไปพัฒนาคนกลุ่มนี้
“ไม่มีทางที่ไทยจะกลับมามีนักท่องเที่ยว 40 ล้านคนในอีก 1-2 ปีข้างหน้า และรูปแบบการเดินทางหลังโควิดก็จะเปลี่ยนไปด้วย จากเดิมเดินทางเป็นกลุ่มใหญ่ ก็จะเปลี่ยนเป็นรูปแบบกลุ่มเล็กมากขึ้น มาแบบการเดินทางเป็นครอบครัวมากกว่าที่จะมาเป็นหมู่คณะใหญ่ๆ ทำอย่างไรที่จะเอื้อให้เกิดการปรับตัวกับอุตสาหกรรมเหล่านี้ โลกหลังโควิดมันจะไม่เหมือนเดิม หลายอุตสาหกรรมก็จะเป็นอุตสาหกรรมที่มีกำลังการผลิตส่วนเกินสูงมาก ดูอย่างการท่องเที่ยวในประเทศไทย การที่จะมีนักท่องเที่ยวกลับมาปีละ 40 ล้านคน ก็คงไม่เกิดขึ้นโดยเร็ว ซึ่งจะต้องใช้เวลาอีกหลายปีกว่าจะกลับมาใหม่ได้”
นายอมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สำนักวิจัยธนาคารซีไอเอ็มบีไทย กล่าวว่า ในระยะสั้นประเทศไทยมีความจำเป็นในการเน้นสร้างมูลค่าในประเทศ เพราะในช่วงนี้การส่งออกและการท่องเที่ยวจากต่างประเทศยังทำไม่ได้มากนัก จึงมีความสำคัญที่ต้องสร้างความเข้มแข็งจากในประเทศก่อน
ทั้งนี้ชวนให้คิดในระยะยาว หากจะปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ต้องระวังกระแสต่อต้านโลกาภิวัฒน์ตีกลับ หรือระวังความพยายามที่เน้นความเข้มแข็งในประเทศมากจนเกินไป จนลืมการพึ่งพาจากต่างประเทศซึ่งอาจจะส่งผลเสียให้กับเศรษฐกิจไทยได้ในอนาคต บวกกับความอ่อนแอในประเทศยังคงมีอยู่ทั้งเอสเอ็มอี รายได้เกษตรกรหดหาย การบริโภคในประเทศอ่อนแอ และการลงทุนภาคเอกชนที่ชะลอมานาน อาจทำให้เป็นจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง
“หลังจากนี้ควรเน้นการฟื้นตัวทั้งจากต่างประเทศที่ต้องให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีศักยภาพมากขึ้น อย่าทิ้งความเข้มแข็งจากต่างประเทศ ซึ่งจะต้องสอดประสานกับเศรษฐกิจในประเทศระยะยาวที่ต้องมีประสิทธิภาพเน้นเพิ่มมูลค่ามากขึ้น ซึ่งมองว่าจะเป็นการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจไทยได้ถูกจุดมากกว่า”
นายยรรยง ไทยเจริญ รองผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์(อีไอซี) กล่าวว่า การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทยในระยะสั้น ยังต้องพึ่งพาจากในประเทศ เพื่อทดแทนอุปสงค์จากต่างประเทศทั้งท่องเที่ยวและการส่งออก โดยเฉพาะคนที่อยู่กลุ่มการท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร ที่มีถึง 10 ล้านคน และโอกาสที่การท่องเที่ยวฟื้นตัวคงจะช้า เพราะกว่าจะรอวัคซีนโควิด-19 และเศรษฐกิจโลกยังซบเซา อาจจะใช้เวลา 2-3 ปีกว่าจะเห็นการท่องเที่ยวกลับมา
ซึ่งจะทำอย่างไรที่ให้อุปสงค์ในประเทศขยายตัวได้ โดยภาครัฐและเอกชนควรร่วมมือใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพมากที่สุด เช่น การจ้างงาน โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่ภาคท่องเที่ยวการบริการกลับสู่ถิ่นฐานไปทำการเกษตรจำนวนมาก จะทำอย่างไรให้มีงานรองรับ และในระยะปานกลางต้องพัฒนาชนบท ดูแลผู้สูงอายุ หรือจ้างเด็กที่มีความรู้ด้านไอทีมาพัฒนาชุมชนให้เข้าถึงเทคโนโลยี แม้แต่ภาคเอกชนที่ต้องประคับประคองคู่ค้าในซัพพลายเชน อย่างเอสเอ็มอีให้อยู่รอด และดูแลพนักงาน ลูกค้ามากกว่าจะหวังเรื่องกำไร
"ระยะต่อไปจะบอกว่าไม่พึ่งต่างประเทศคงเป็นไปไม่ได้ หากต้องการให้เศรษฐกิจไทยขยายตัว เพราะอุปสงค์ในประเทศไม่สามารถทดแทนได้ โดยสิ่งสำคัญคือการเพิ่มประสิทธิภาพของภาคการเกษตรมากขึ้น หรือการใช้งบ 4 แสนล้านบาทมาดูแลบริหารจัดการน้ำ แก้ปัญหาภัยแล้งจะทำให้รองรับการจ้างงานของคนรุ่นใหม่ที่กลับคืนถิ่นได้มากขึ้น เพราะจะเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรได้ โดยภาครัฐควรสนับสนุนการจ้างงานในชุมชนควบคู่ไปกับสนับสนุนเรื่องของแหล่งเงินด้วย"
"เศรษฐกิจ" - Google News
August 31, 2020 at 08:30AM
https://ift.tt/2ETnhld
หนุนปรับโครงสร้างเศรษฐกิจไทย ฟื้นจากภายใน-เน้นจ้างงาน - เดลีนีวส์
"เศรษฐกิจ" - Google News
https://ift.tt/3crAsVL
No comments:
Post a Comment