ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เคยเอ่ยปากมา 2-3 ปีแล้วว่าอยากหยุดพักผ่อนดูแลสุขภาพของตัวเอง หลังจากยื่นหนังสือต่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการแล้ว ดร.สมคิดคงไม่หวนกลับสู่งานการเมืองอีก
เพราะช่วงเวลาเกือบ 5 ปีที่ทำหน้าที่ขุนพลเศรษฐกิจให้พล.อ.ประยุทธ์ บวกอีก 5 ปีที่เคยช่วยงานรัฐบาลดร.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อรวมกับภารกิจอื่นที่ช่วยอยู่เบื้องหลังโดยไม่มีตำแหน่งรัฐมนตรี ก็ถือว่าได้มอบเวลาให้แก่บ้านเมืองนานกว่าทศวรรษ
แต่ก็อาจมีเสียงของคนที่ไม่ชื่นชอบดร.สมคิดว่าน่าจะไปนานแล้ว เพราะมีแต่ตำราวิชาการว่าด้วย “ดีมานด์-ซัพพลาย” ส่วนลูกทีมที่ขนเข้ามาก็ทำอะไรไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ยิ่งทำเศรษฐกิจไทยก็มีแต่ถดถอย
มีคนตั้งคำถามว่า ดร.สมคิด อายุแค่ 67 ปีทำไมจะรีบร้อนวางมือการเมืองทั้งๆที่คนอื่นอายุ 66 ปียังฝันจะเป็นนายกรัฐมนตรีไปยาวๆ บางคนอายุ 75 ปีเดินกระย่องกระแย่งแล้วแต่ยังพยายามยื้อเก้าอี้และแสวงหาอำนาจการเมืองไม่ยอมปล่อยวาง
อาจจะเป็นเพราะคนที่ดูแลงานบริหารเศรษฐกิจของประเทศก็เหมือนมานั่งแก้ปัญหาของคนทั้งประเทศ ต้องมารับรู้ความทุกข์ยากของประชาชน เท่ากับแบกรับความทุกข์ของคนหลายสิบล้านคน หากทำดีแค่เสมอตัว ทำพลาดก็โดนด่า
คงเบื่อกับคำด่า ประกอบกับ “ทีม 4 กุมาร” ถูกแรงกดดันทางการเมืองหนัก เมื่อมาด้วยกันก็ไปด้วยกัน แสดงสปิริจไม่ต้องรอให้ไล่จนวันสุดท้าย แต่อีกด้านคือ “เผ่นก่อนดีกว่า !” เพราะสถานการณ์ข้างหน้าดูแล้วหนักหนาสาหัสนัก
แม้บ้านเราคุมอยู่ หลายประเทศหยุดแพร่ระบาด แต่นานาประเทศยังปิดพรมแดน ยังห้ามบินเข้า-ออก ยังควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศ การส่งออกยังลำบากคงติดลบ 8-10% นักท่องเที่ยวต่างชาติจะหาย 30 ล้านคน ตลอดทั้งปีคนจะตกงาน 8 ล้านคน รวมเบ็ดเสร็จปี 2563 ถ้าเศรษฐกิจไทยติดลบน้อยกว่า 10% ก็ถือว่าบุญโขแล้ว ?!?
สถานการณ์ที่ไม่สดใสเช่นนี้นักบริหารมืออาชีพคงไม่กล้ารับงาน แต่นักการเมืองอาชีพบอกว่าหวานหมู เพราะมีเงินกู้ 1.9 ล้านล้านบาทรออยู่ เพราะตั้งงบ 4 แสนล้านบาทไว้อัดฉีดเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ
นายกฯประยุทธ์บอกว่าจะเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจเอง นอกจากกระทรวงการคลัง กระทรวงพลังงาน กระทรวงการต่างประเทศ ที่เป็นโควตานายกฯแล้ว กระทรวงเศรษฐกิจที่อยู่ในโควตาพรรคร่วมรัฐบาลก็ต้องทำงานร่วมกัน
แต่จะเป็น “ทีมเศรษฐกิจ” ที่มีประสิทธิภาพแค่ไหน ประชาชนจะคาดหวังผลสัมฤทธิ์ในการทำงานได้แค่ไหน?
เพราะอย่างที่เห็นวันนี้ กระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นของพรรคภูมิใจไทย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรฯ ของพรรคประชาธิปัตย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงดิจิทัลฯ ของพรรคพลังประชารัฐ กระทรวงแรงงาน ของพรรครวมพลังประชาชาติไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ของพรรคชาติไทยพัฒนา
ที่ผ่านมาคือ ต่างคนต่างทำ บางกระทรวงแบ่งเค้กกัน มีรัฐมนตรีว่าการ 1 คน รัฐมนตรีช่วย 2-3 คน ก็ยังไม่คุยกันเลย
ถามว่านายกฯประยุทธ์ที่ตอนนี้ยังหากุนซือเศรษฐกิจคนใหม่ไม่ได้ ลำพังตัวท่านจะสามารถบัญชาการแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่หลากหลายและซับซ้อน จะเข้าใจความเชื่อมโยงเศรษฐกิจโลกกับเศรษฐกิจไทย และจะเปลี่ยนใจนักการเมืองให้คิดถึงคำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนกับผลประโยชน์ของบ้านเมือง ก่อนประโยชน์ส่วนตนและของพรรคได้หรือไม่
วันนี้ยามเช้าๆดร.สมคิดคงได้นั่งทานโจ๊กร้อนๆและจิบชาอุ่นๆที่บ้านอย่างสบายใจ ปล่อยให้ลุงตู่กุมอำนาจแบกทุกข์คนทั้งประเทศ ส่วนบิ๊กป้อมก็คุมพรรคแบกสังขารกันต่อไป
"เศรษฐกิจ" - Google News
July 25, 2020 at 03:33AM
https://ift.tt/30G4wcm
ทีมเศรษฐกิจใหม่ - Businesstoday
"เศรษฐกิจ" - Google News
https://ift.tt/3crAsVL
No comments:
Post a Comment