
กนง.ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจไทย ต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ ติดลบ8.1% ชนะขาดยุคต้มยำกุ้ง แต่ยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.5% โดยคาดว่าไตรมาส2 ดิ่งแรงสุดเป็นตัวเลข 2 หลัก ส่งออก-ท่องเที่ยววูบหนัก สั่งจับตาค่าบาทแข็ง หวั่นกระทบการฟื้นตัวเศรษฐกิจ
นายทิตนันทิ มัลลิกะมาส ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะเลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) แถลงผลการประชุมเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดย กนง.มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.5% ต่อปี แต่ได้ปรับลดประมาณการ เศรษฐกิจในปีนี้ลง ซึ่งคาดว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ จะขยายตัวติดลบมากขึ้น เป็น 8.1% ต่ำกว่าประมาณการเดิมที่คาดไว้ที่ติดลบ 5.3% และเป็นตัวเลขการขยายตัวที่ต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของไทย ต่ำกว่าในช่วงวิกฤติต้มยำกุ้งในปี 2540 เนื่องจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทั่วโลกรุนแรงกว่าที่คิด และ มาตรการควบคุมการระบาด ส่งผลรุนแรงต่อการท่องเที่ยวและการส่งออก
“ไตรมาส 2 ปีนี้ เป็นไตรมาสที่เศรษฐกิจไทยลงลึกที่สุด และค่อยๆปรับตัวดีขึ้นในช่วงไตรมาสที่ 3 และ 4 ตามการคลายล็อกดาวน์และเปิดให้ทำธุรกิจเพิ่มขึ้น และครึ่งปีหลังเศรษฐกิจไทยยังคงติดลบทั้งสองไตรมาส และค่อยๆดีขึ้นกลับมาเป็นบวกได้ในปีหน้า คาดว่าจะขยายตัวเพิ่มขึ้น5% จากปีนี้ ซึ่งการประมาณการครั้งนี้ถือเป็นกรณีฐาน ยังไม่ได้รวมผลกระทบหากเกิดการระบาดรอบ2 ดังนั้น การประมาณการครั้งนี้ เศรษฐกิจไทยยังมีโอกาสลงต่ำกว่าที่คาดการณ์ครั้งนี้ได้อีก”
สำหรับการประมาณการเงินเฟ้อทั่วไป ธปท.ประมาณการว่าเงินเฟ้อทั่วไป จะติดลบมากขึ้นที่ 1.7% สูงกว่าติดลบ 1% ในการประมาณการเดิม และปรับตัวดีขึ้นในปีหน้าโดยคาดว่าขยายตัว 0.9% ขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐานปรับตัวดีขึ้น โดยครั้งนี้คาดว่า ปีนี้จะอยู่ที่ 0% จากเดิมคาดติดลบ 0.1% ขณะที่ปีหน้าจะขยายตัวเท่ากันที่ 0.1%
ขณะที่เครื่องชี้ที่สำคัญอื่นๆ ธปท.ประมาณการ ว่า มูลค่าการส่งออกจะขยายตัวติดลบในปีนี้ที่10.3% จากครั้งก่อนที่คาดไว้ติดลบ 8.8% การนำเข้าขยายตัวติดลบ 16.2% จากติดลบ 15% การบริโภคภาคเอกชนติดลบเพิ่มขึ้นที่ 3.6% สูงกว่าคาดการณ์เดิมที่ -1.5% การลงทุนภาคเอกชนติดลบ 13% จากครั้งก่อนที่คาดติดลบ 4.3% จำนวนนักท่องเที่ยวในปีนี้ คาดว่ามีเพียง 8 ล้านคน ลดลงจากประมาณการครั้งก่อนที่ 15 ล้านคน และรายได้ที่ลดลงนี้ จะทำให้ดุลบัญชีเดินสะพัดปีนี้ เกินดุล 15,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากปีก่อนที่เกินดุลถึง 37,900 ล้านเหรียญฯ
“กนง. มีความกังวลต่อสถานการณ์เงินบาทที่แข็งค่าขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และภาพรวมการส่งออก จึงเห็นควรให้ติดตามสถานการณ์ตลาดอัตราแลกเปลี่ยน อย่างใกล้ชิด รวมทั้งประเมินความจำเป็นของการดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพิ่มเติม โดยแม้ว่าปัจจัยหลักของการแข็งค่าของเงินบาทขณะนี้ เป็นการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯเป็นหลัก แต่การทำนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมาก ของประเทศอุตสาหกรรมหลัก ย่อมทำให้มีเงินทุนจากต่างประเทศ เข้ามาหาผลประโยชน์ในภูมิภาคเอเชีย รวมทั้งไทย จึงต้องติดตามสถานการณ์ด้านเงินทุนใกล้ชิด”
ทั้งนี้ การช่วยเหลือเยียวยา การใช้มาตรการการคลังที่ตรงจุดและทันการ นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมาต่อเนื่อง รวมถึงมาตรการด้านสินเชื่อและการเร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ยังจำเป็นต่อการสนับสนุนการจ้างงานและธุรกิจในระยะต่อไป เพื่อช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และการเข้าสู่การทำธุรกิจในชีวิตวิถีใหม่ ทำให้การทำธุรกิจ การจ้างงานเปลี่ยนแปลงไป ทำให้เห็นการว่างงานเพิ่มมากขึ้น
ดังนั้น กนง.จึงเห็นว่านอกเหนือจากการใช้นโยบายเพิ่มกำลังซื้อ และการช่วยเงินทุน หมุนเวียนในการทำธุรกิจ จะต้องมีนโยบายด้านอุปทานเพิ่มเติม เช่น การสนับสนุนการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ การช่วยเหลือปรับรูปแบบการทำธุรกิจใหม่ หรือการเพิ่มทักษะแรงงาน เพื่อให้คนเหล่านี้สามารถดำรงชีวิตต่อไปได้หลังโควิด-19 คลี่คลาย และการกระจายสภาพคล่องไปสู่ธุรกิจและครัวเรือน ที่ได้รับผลกระทบเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะเห็นความเสี่ยงในการชำระหนี้ไม่ได้เพิ่มขึ้นในภาคธุรกิจและครัวเรือน โดย กนง.จะติดตามสถานการณ์และพร้อมใช้เครื่องมือหรือนโยบายการเงินที่เหมาะสมตามความจำเป็น
นายดอน นาครทรรพ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจมหภาค ธปท. กล่าวว่า การคาดการณ์ในขณะนี้ เศรษฐกิจไตรมาส 2 ของปีนี้จะลงลึกสุด โดยติดลบเป็นตัวเลข 2 หลัก.
อ่านเพิ่มเติม...
"เศรษฐกิจ" - Google News
June 25, 2020 at 07:45AM
https://ift.tt/31diJiL
โควิดซัดเศรษฐกิจติดลบ 8.1% “กนง.” ชี้ไตรมาส 2 ดิ่งลึกสุดตัวเลขสองหลัก - ไทยรัฐ
"เศรษฐกิจ" - Google News
https://ift.tt/3crAsVL
No comments:
Post a Comment